นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า กรมวิชาการเกษตรมีนโยบายที่สวนทางกับนโยบายของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เคยกล่าวมอบนโยบายว่า “ต้องส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้กับเกษตรกร และผู้บริโภคจะได้บริโภคสินค้าที่มีความปลอดภัย” แต่ปรากฏว่าในการประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตรเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 มีการพิจารณาเพิ่มเติมแหล่งผลิตสารเคมีมีพิษทางการเกษตร ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย เพียงแค่วันเดียวมีมากถึง 50 คำขอด้วยกัน หมายความว่า เป็นการเปิดทางให้มีการนำเข้าวัตถุมีพิษภาคการเกษตรในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น นั้นการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตรเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 เป็นการประชุมตามวาระปกติ เพื่อพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนเพื่อการอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตราย ซึ่งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย มีหลักเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายดังนี้
ลำดับแรกให้ความสำคัญกับการพิจารณาขึ้นทะเบียนกลุ่มวัตถุอันตรายที่มีความปลอดภัย ได้แก่ สารสกัดจากธรรมชาติ สารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช และกลุ่มสารเคมีที่ใช้ในพืชอาหาร มีข้อมูลความเป็นพิษน้อยตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก เพื่อสนองตามนโยบายส่งเสริมการทำการเกษตรระบบเกษตรอินทรีย์ของ พล.อ.ฉัตรชัย ลำดับที่ 2 เป็นสารเคมีที่มีความจำเป็นต้องใช้แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในกลุ่มแรก โดยใช้ข้อมูลการประเมินความเสี่ยงอันตราย และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้การพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 3 ข้อ ดังนี้ ข้อมูลพิษวิทยา ผลการทดลองประสิทธิภาพ และผลการวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียนเพื่อการอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมปริมาณนำเข้าวัตถุอันตราย เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้สารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืชป้องกันไม่ให้ผลผลิตเสียหาย คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุน และที่สำคัญต้องเป็นสารเคมีมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
ลำดับแรกให้ความสำคัญกับการพิจารณาขึ้นทะเบียนกลุ่มวัตถุอันตรายที่มีความปลอดภัย ได้แก่ สารสกัดจากธรรมชาติ สารชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช และกลุ่มสารเคมีที่ใช้ในพืชอาหาร มีข้อมูลความเป็นพิษน้อยตามหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก เพื่อสนองตามนโยบายส่งเสริมการทำการเกษตรระบบเกษตรอินทรีย์ของ พล.อ.ฉัตรชัย ลำดับที่ 2 เป็นสารเคมีที่มีความจำเป็นต้องใช้แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในกลุ่มแรก โดยใช้ข้อมูลการประเมินความเสี่ยงอันตราย และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้การพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 3 ข้อ ดังนี้ ข้อมูลพิษวิทยา ผลการทดลองประสิทธิภาพ และผลการวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียนเพื่อการอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายเป็นมาตรการหนึ่งในการควบคุมปริมาณนำเข้าวัตถุอันตราย เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้สารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืชป้องกันไม่ให้ผลผลิตเสียหาย คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุน และที่สำคัญต้องเป็นสารเคมีมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม