พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีหลังพบการทุจริตในการสอบข้อเขียน คัดเลือกบุคคลภายนอกเป็นนายสิบตำรวจ ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่มีผู้สมัครเข้าสอบทั้งหมด 13,285 คน และสอบข้อเขียนเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2559 โดยพบผู้กระทำผิดแล้ว 80 ราย จากผู้ต้องสงสัย 418 รายว่า เมื่อวานนี้ได้เชิญคณะกรรมการของกองบัญชาการหลายแห่งมาพูดคุย ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ควรจะยกเลิกการสอบทั้งหมดให้เป็นโมฆะ และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยสั่งการให้ผู้กำกับการศูนย์สืบกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน. หัวหมาก โดยจะดำเนินคดีกับมือปืนรับจ้าง ซึ่งเป็นผู้สมัครเข้าสอบเนื่องจากทำการทุจริต ในความผิดอาญา มาตรา 137 คือ แจ้งความเท็จ กรอกข้อมูลในระบบราชการอันเป็นเท็จ และข้อหาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ฐานความผิดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ส่วนผู้ที่มาสมัครสอบ พิจารณาแล้วเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ขณะเดียวกันจะดำเนินการทางวินัยเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะมีใครเกี่ยวข้องบ้าง
ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นคำให้การของผู้กระทำความผิด ซึ่งตำรวจมีหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
สำหรับการป้องกันการทุจริตในอนาคต จะต้องมีนำบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นการป้องกันต่อไป โดยยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิ่งตามคนรุ่นใหม่ ที่หาวิธีการทุจริตแบบใหม่ๆ ให้ทัน ขณะเดียวกันยอมรับว่าลำบากใจที่จะต้องดำเนินคดีกับเยาวชน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ บางส่วนเป็นนักศึกษาแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ และเป็นผู้ที่เรียนเก่ง มีความรู้ หากนำความรู้ความสามารถของตัวเองไปใช้ในทางที่ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและประเทศชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. ศานิตย์ ยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายทุกคน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆ แม้จะเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาต่อก็ตาม
ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครเข้ามาเกี่ยวข้อง ถือเป็นคำให้การของผู้กระทำความผิด ซึ่งตำรวจมีหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
สำหรับการป้องกันการทุจริตในอนาคต จะต้องมีนำบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ เพื่อเป็นการป้องกันต่อไป โดยยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิ่งตามคนรุ่นใหม่ ที่หาวิธีการทุจริตแบบใหม่ๆ ให้ทัน ขณะเดียวกันยอมรับว่าลำบากใจที่จะต้องดำเนินคดีกับเยาวชน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ บางส่วนเป็นนักศึกษาแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ และเป็นผู้ที่เรียนเก่ง มีความรู้ หากนำความรู้ความสามารถของตัวเองไปใช้ในทางที่ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและประเทศชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท. ศานิตย์ ยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายทุกคน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นๆ แม้จะเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาต่อก็ตาม