นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ฝนที่ตกต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 59 – 1 มกราคม 60 เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันใน 12 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง และประจวบคีรีขันธ์ รวม 104 อำเภอ 689 ตำบล 5,048 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 263,710 ครัวเรือน 789,674 คน ผู้เสียชีวิต 35 ราย ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ระนองปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และตรัง ยังคงมีสถานการณ์ใน 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง นราธิวาส ยะลา และสงขลา รวม 17 อำเภอ 109 ตำบล 750 หมู่บ้าน
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำบัญชีผู้ประสบภัย และทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการติดตามคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้กับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง อาจส่งผลให้เกิดปริมาณฝนสะสม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 10 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือป้องกันและแก้ไขปัญหาจากฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ส่วนชาวประมงและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและประกอบกิจกรรมทางทะเล เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 มกราคมนี้
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำบัญชีผู้ประสบภัย และทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการติดตามคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้กับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง อาจส่งผลให้เกิดปริมาณฝนสะสม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสาน 10 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือป้องกันและแก้ไขปัญหาจากฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ส่วนชาวประมงและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและประกอบกิจกรรมทางทะเล เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 มกราคมนี้