พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปนั่งรับเงินเดือนที่ปรึกษาบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จนถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว ตนจึงไม่ขอออกความเห็น ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่นั้นก็รู้อยู่แล้ว ซึ่งทุกอย่างขอให้ว่ากันตามกฏหมาย
ด้าน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน พล.ต.ท.ศานิตย์ กรณีรับเงินเดือนที่ปรึกษาจากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวนเดือนละ 5 หมื่นบาท ตั้งแต่ปี 2558 ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 103 ของกฎหมาย ป.ป.ช.นั้นว่า เมื่อมีผู้ยื่นเข้ามา ป.ป.ช.จะสรุปรายละเอียดทั้งหมด และต้องพิจารณาว่าการเป็นที่ปรึกษามีข้อยกเว้นหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีข้อยกเว้น ป.ป.ช.จะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย โดยเฉพาะฐานความผิดตามมาตรา 103 ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดรับรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยชอบธรรมตามหลักเกณฑ์จำนวนที่ ป.ป.ช.กำหนด
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ไม่เคยดำเนินการไต่สวนในส่วนที่เป็นค่าที่ปรึกษามาก่อน ส่วนใหญ่เรื่องร้องเรียนที่ได้รับจะมีเฉพาะการรับทรัพย์สินโดยตรง ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องพิจารณารายละเอียดทั้งข้อกฎหมาย และข้อห้ามทางจริยธรรมก่อน
ด้าน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน พล.ต.ท.ศานิตย์ กรณีรับเงินเดือนที่ปรึกษาจากบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวนเดือนละ 5 หมื่นบาท ตั้งแต่ปี 2558 ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 103 ของกฎหมาย ป.ป.ช.นั้นว่า เมื่อมีผู้ยื่นเข้ามา ป.ป.ช.จะสรุปรายละเอียดทั้งหมด และต้องพิจารณาว่าการเป็นที่ปรึกษามีข้อยกเว้นหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีข้อยกเว้น ป.ป.ช.จะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย โดยเฉพาะฐานความผิดตามมาตรา 103 ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดรับรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยชอบธรรมตามหลักเกณฑ์จำนวนที่ ป.ป.ช.กำหนด
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ไม่เคยดำเนินการไต่สวนในส่วนที่เป็นค่าที่ปรึกษามาก่อน ส่วนใหญ่เรื่องร้องเรียนที่ได้รับจะมีเฉพาะการรับทรัพย์สินโดยตรง ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องพิจารณารายละเอียดทั้งข้อกฎหมาย และข้อห้ามทางจริยธรรมก่อน