การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. เป็นประธานการประชุม ช่วงแรกประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขณะนี้มีสมาชิก สปท.คงเหลือ 198 คน หลังจากมีสมาชิก 2 คน ประกอบด้วย นายวิรัช ชินวินิจกุล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นองคมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ลาออก แต่ สปท.จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จนกว่าจะพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 120 วัน
จากนั้นที่ประชุม สปท. ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ เรื่อง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนายเสรี ชี้แจงว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้แทนของประชาชน จึงต้องปฏิรูปให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมและจริยธรรม ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เสนอพิจารณาค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับภารกิจ
นายเสรี กล่าวว่า การเสนอปรับค่าตอบแทนให้กับ ส.ส.และ ส.ว.นั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคม แต่ยืนยันว่า ได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปอย่างรอบคอบ รับฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการปรับเพิ่มเงินให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว 5 ปี ดังนั้นจึงไม่ใช่ข้อเสนอที่มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือมุ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมือง
นายเสรี กล่าวอีกว่า กรรมาธิการมักถูกวิจารณ์ว่าหลายข้อเสนอให้ร้ายทำให้นักการเมืองเสียหาย ถ้านักการเมืองดี ก็คงไม่ต้องปฏิรูป นักการเมืองที่ดีมีน้อยกว่า นักการเมืองไม่ดี จึงทำให้ข้อเสนอบางอย่างกระทบบ้าง ตนเกรงใจไม่อยากให้นักการเมืองปัจจุบันเสียกำลังใจ หรือถูกมองในแง่ร้าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนมีความรู้สึกไม่ดี ในแง่ลบกับนักการเมือง
จากนั้นที่ประชุม สปท. ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ เรื่อง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนายเสรี ชี้แจงว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้แทนของประชาชน จึงต้องปฏิรูปให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมและจริยธรรม ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เสนอพิจารณาค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับภารกิจ
นายเสรี กล่าวว่า การเสนอปรับค่าตอบแทนให้กับ ส.ส.และ ส.ว.นั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคม แต่ยืนยันว่า ได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปอย่างรอบคอบ รับฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการปรับเพิ่มเงินให้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว 5 ปี ดังนั้นจึงไม่ใช่ข้อเสนอที่มุ่งหวังเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือมุ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมือง
นายเสรี กล่าวอีกว่า กรรมาธิการมักถูกวิจารณ์ว่าหลายข้อเสนอให้ร้ายทำให้นักการเมืองเสียหาย ถ้านักการเมืองดี ก็คงไม่ต้องปฏิรูป นักการเมืองที่ดีมีน้อยกว่า นักการเมืองไม่ดี จึงทำให้ข้อเสนอบางอย่างกระทบบ้าง ตนเกรงใจไม่อยากให้นักการเมืองปัจจุบันเสียกำลังใจ หรือถูกมองในแง่ร้าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าประชาชนมีความรู้สึกไม่ดี ในแง่ลบกับนักการเมือง