วันนี้ (9 ธ.ค.59) ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 57 พลเรือเอก หม่อมราชวงศ์ พันธุม ทวีวงศ์ เป็นประธานบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้น วางพวงมาลา และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม รวม 8 รูป จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร โดยมีราชสกุลกำภู ราชสกุลจักรพันธุ์ ราชสกุลภาณุพันธุ์ ราชสกุลจิตรพงศ์ ราชสกุลนพวงษ์ ราชสกุลสุประดิษฐ์ ราชสกุลกฤดากร ราชสกุลสุขสวัสดิ์ ราชสกุลทวีวงศ์ ร่วมเป็นเจ้าภาพ
พล.ท.กิตต์พงษกร นพวงศ์ ณ อยุธยา ประธานกรรมการราชสกุลนพวงศ์ ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลถวายฯ เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นราชองค์รักษ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527-2554 ตามเสด็จฯ ในถิ่นทุรกันดารในทุกภูมิภาคของประเทศ ได้เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานหนัก ซึ่งตนก็ได้ถวายงานด้วยการรับผิดชอบโครงการพระราชดำริใน 25 จังหวัดของภาคอีสานด้วย
"ผมเป็นทหารพัฒนาพื้นที่ที่ในหลวง ร.9 ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ดูแลด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่ภาคอีสาน ในหลวงทรงรับสั่งในการทำงานด้วยว่า ต้องทำให้ราษฏรได้พออยู่พอกิน มีเหลือก็จำหน่ายหรือแลกเปลี่ยน และเลี้ยงชีวิตตนเองได้ ที่สำคัญก็คือ ต้องทำบัญชีฟาร์ม บัญชีครัวเรือน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงเน้นย้ำอยู่เสมอจนถึงปัจุบันนี้ เพื่อให้ราษฏรได้รู้ฐานะทางการเงินของตนเอง" พล.ท.กิตต์พงษกร กล่าว
ส่วนนางนันทมาลี ภิรมย์ภักดี และนางอรพิมพ์ ปลื้มอารมณ์ (ราชสกุลจักรพันธุ์) กล่าวว่า ราชสกุลจักรพันธุ์ มีทั้งหมด 7 สาย พวกเราเป็นสายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผู้ประพันธ์เนื้อเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 28 เพลง จากทั้งหมด 48 เพลง อาทิ เพลงแสงเทียน เพลงพระราชนิพนธ์อันดับแรกของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงเพลงยามเย็น เพลงพรปีใหม่ อีกทั้งยังทรงงานเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองคมนตรีรับใช้เบื้องพระยุคลบาทจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ ท่านตาจึงได้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมาก
สำหรับหลานๆ ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนจะได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากพระองค์ท่าน และได้พระราชทานพรหลักการใช้ชีวิตคู่ที่เราได้นำมาปฏิบัติใช้ว่า "หากคนหนึ่งร้อน ให้อีกคนหนึ่งเย็น ในวันข้างหน้าหากมีปัญหาให้นึกถึงวันนี้ วันที่มีความสุขที่สุด" ทำให้ชีวิคู่เราประสบความสำเร็จและมีความสุข นอกจากนี้ ยังนำหลักคำสอนของพระองค์เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร และการไม่เกี่ยงงาน มาใช้ในชีวิตการทำงานด้วย
ม.ล.รัมภา สุประดิษฐ์ (ราชสกุลสุประดิษฐ์) กล่าวถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า พระองค์ท่านทรงงานเพื่อประชาชนมากมาย โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้และเข้าใจ เมื่อท่านเสด็จสวรรคตก็เพิ่งจะได้เข้าใจ ด้วยพระบารมีในพระองค์ที่ทรงเสียสละ ทรงงานมาตลอด 70 ปี รู้สึกว่าบ้านเมืองเจริญขึ้น ทรงเป็นที่พึ่งให้พวกเราทั้งทางกายและใจ และเปรียบเสมือนเป็นครูที่คอยสั่งสอนเราอยู่เสมอ ในฐานะเป็นหนึ่งในประชาชนของพระองค์ เราพร้อมที่จะทำความดี ดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทโดยที่ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ เหมือนเป็นการปิดทองพระ นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระองค์เล่าสู่กันฟังให้แก่ลูกหลาน รวมถึงให้อ่านหนังสือ ดูหนัง เพื่อได้ซึมซับพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ โดยลูกสาวที่เรียนอยู่ต่างประเทศตั้งใจจะมาเข้าแถวเพื่อเข้ากราบพระบรมศพ และตัวเองอยากจะมากราบอีกครั้งพร้อมลูก แม้ต้องใช้เวลารอนานก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานเหนื่อยมาเพื่อพวกเรามาเยอะแล้ว
พล.ท.กิตต์พงษกร นพวงศ์ ณ อยุธยา ประธานกรรมการราชสกุลนพวงศ์ ที่มาร่วมบำเพ็ญกุศลถวายฯ เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นราชองค์รักษ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527-2554 ตามเสด็จฯ ในถิ่นทุรกันดารในทุกภูมิภาคของประเทศ ได้เห็นในหลวง ร.9 ทรงงานหนัก ซึ่งตนก็ได้ถวายงานด้วยการรับผิดชอบโครงการพระราชดำริใน 25 จังหวัดของภาคอีสานด้วย
"ผมเป็นทหารพัฒนาพื้นที่ที่ในหลวง ร.9 ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ดูแลด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่ภาคอีสาน ในหลวงทรงรับสั่งในการทำงานด้วยว่า ต้องทำให้ราษฏรได้พออยู่พอกิน มีเหลือก็จำหน่ายหรือแลกเปลี่ยน และเลี้ยงชีวิตตนเองได้ ที่สำคัญก็คือ ต้องทำบัญชีฟาร์ม บัญชีครัวเรือน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงเน้นย้ำอยู่เสมอจนถึงปัจุบันนี้ เพื่อให้ราษฏรได้รู้ฐานะทางการเงินของตนเอง" พล.ท.กิตต์พงษกร กล่าว
ส่วนนางนันทมาลี ภิรมย์ภักดี และนางอรพิมพ์ ปลื้มอารมณ์ (ราชสกุลจักรพันธุ์) กล่าวว่า ราชสกุลจักรพันธุ์ มีทั้งหมด 7 สาย พวกเราเป็นสายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ผู้ประพันธ์เนื้อเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 28 เพลง จากทั้งหมด 48 เพลง อาทิ เพลงแสงเทียน เพลงพระราชนิพนธ์อันดับแรกของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงเพลงยามเย็น เพลงพรปีใหม่ อีกทั้งยังทรงงานเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นองคมนตรีรับใช้เบื้องพระยุคลบาทจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ ท่านตาจึงได้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมาก
สำหรับหลานๆ ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนจะได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากพระองค์ท่าน และได้พระราชทานพรหลักการใช้ชีวิตคู่ที่เราได้นำมาปฏิบัติใช้ว่า "หากคนหนึ่งร้อน ให้อีกคนหนึ่งเย็น ในวันข้างหน้าหากมีปัญหาให้นึกถึงวันนี้ วันที่มีความสุขที่สุด" ทำให้ชีวิคู่เราประสบความสำเร็จและมีความสุข นอกจากนี้ ยังนำหลักคำสอนของพระองค์เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร และการไม่เกี่ยงงาน มาใช้ในชีวิตการทำงานด้วย
ม.ล.รัมภา สุประดิษฐ์ (ราชสกุลสุประดิษฐ์) กล่าวถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า พระองค์ท่านทรงงานเพื่อประชาชนมากมาย โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้และเข้าใจ เมื่อท่านเสด็จสวรรคตก็เพิ่งจะได้เข้าใจ ด้วยพระบารมีในพระองค์ที่ทรงเสียสละ ทรงงานมาตลอด 70 ปี รู้สึกว่าบ้านเมืองเจริญขึ้น ทรงเป็นที่พึ่งให้พวกเราทั้งทางกายและใจ และเปรียบเสมือนเป็นครูที่คอยสั่งสอนเราอยู่เสมอ ในฐานะเป็นหนึ่งในประชาชนของพระองค์ เราพร้อมที่จะทำความดี ดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทโดยที่ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ เหมือนเป็นการปิดทองพระ นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพระองค์เล่าสู่กันฟังให้แก่ลูกหลาน รวมถึงให้อ่านหนังสือ ดูหนัง เพื่อได้ซึมซับพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ โดยลูกสาวที่เรียนอยู่ต่างประเทศตั้งใจจะมาเข้าแถวเพื่อเข้ากราบพระบรมศพ และตัวเองอยากจะมากราบอีกครั้งพร้อมลูก แม้ต้องใช้เวลารอนานก็ไม่เป็นไร เพราะที่ผ่านมาพระองค์ทรงงานเหนื่อยมาเพื่อพวกเรามาเยอะแล้ว