พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมจัดงานรวมพลังเพื่อน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า การจัดงานรวมพลังเพื่อน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในครั้งนี้ เป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้ว แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและคุณงามความดีที่ทรงประกอบเอาไว้มาตลอดระยะเวลาการครองราชย์อันยาวนานนั้น ถือเป็นสิ่งที่จะทำให้คนไทยและชาวโลกทุกคนต่างก็รู้สึกได้เหมือนกันว่า พระองค์ไม่ได้จากเราไปไหน แต่สถิตอยู่ในดวงใจของพวกเราทุกคนไปตลอดกาล และด้วยความสำนึกในความเป็นข้าราชการเราจะน้อมนำพระบรมราโชวาทมาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่สืบไป โดยเฉพาะเกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ดังพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการใช้กฎหมายตอนหนึ่งว่า
"กฎหมายนั้นไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง สำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรมไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยาตลอดจนเหตุและผลความเป็นจริงด้วย..."
พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า การจัดงานรวมพลังเพื่อน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในครั้งนี้ เป็นการน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัยไปแล้ว แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและคุณงามความดีที่ทรงประกอบเอาไว้มาตลอดระยะเวลาการครองราชย์อันยาวนานนั้น ถือเป็นสิ่งที่จะทำให้คนไทยและชาวโลกทุกคนต่างก็รู้สึกได้เหมือนกันว่า พระองค์ไม่ได้จากเราไปไหน แต่สถิตอยู่ในดวงใจของพวกเราทุกคนไปตลอดกาล และด้วยความสำนึกในความเป็นข้าราชการเราจะน้อมนำพระบรมราโชวาทมาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่สืบไป โดยเฉพาะเกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ดังพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการใช้กฎหมายตอนหนึ่งว่า
"กฎหมายนั้นไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง สำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรมไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยาตลอดจนเหตุและผลความเป็นจริงด้วย..."