พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลกรทางการศึกษา (สกสค.) ได้รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทุจริตใน สกสค.ซึ่งตนได้ลงนามในหนังสือถึงศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อให้เป็นเจ้าภาพหลัก ในการประสานและติดตามผลการดำเนินคดี กรณี สกสค.ซื้อตั๋วสัญญาบริษัท บิลเลียน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างประสานกระทรวงยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบขายหุ้นคืนให้บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปณกิจสงเคราะห์ ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซื้อจากบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ ราคาหุ้นละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย เนื่องจากได้มีการตรวจแล้ว พบว่า บริษัทดังกล่าวดำเนินการจริง โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนภายในเวลา 5 ปี แต่ละปีต้องซื้อคืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่เหลือ และต้องจ่ายค่าตอบแทนคืนให้ สกสค.ในอัตราร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่เหลือจากการจ่ายคืนแต่ละงวด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือข้อเสนอให้แยกการบริหารงานขององค์การค้าฯ ออกจาก สกสค. ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ จึงให้ปรับปรุงระเบียบและข้อบังคับการสรรหาและอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ สกสค. และผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ให้เหมาะสม ซึ่งจากเดิมไม่มีการคานอำนาจ สามารถอนุมัติเรื่องต่างๆ ได้ โดยไม่ผ่านมติของที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบขายหุ้นคืนให้บริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ซึ่งกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปณกิจสงเคราะห์ ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซื้อจากบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ ราคาหุ้นละ 25 บาท รวม 800 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนบ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย เนื่องจากได้มีการตรวจแล้ว พบว่า บริษัทดังกล่าวดำเนินการจริง โดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนภายในเวลา 5 ปี แต่ละปีต้องซื้อคืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่เหลือ และต้องจ่ายค่าตอบแทนคืนให้ สกสค.ในอัตราร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่เหลือจากการจ่ายคืนแต่ละงวด
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือข้อเสนอให้แยกการบริหารงานขององค์การค้าฯ ออกจาก สกสค. ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ จึงให้ปรับปรุงระเบียบและข้อบังคับการสรรหาและอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการ สกสค. และผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ให้เหมาะสม ซึ่งจากเดิมไม่มีการคานอำนาจ สามารถอนุมัติเรื่องต่างๆ ได้ โดยไม่ผ่านมติของที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.
