พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายให้หน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันสนับสนุนช่องทางการตลาด จำหน่ายข้าวสารเกษตรกรโดยใช้กลไกสหกรณ์เป็นหลัก และมอบหมายเจ้าหน้าที่นำข้าวสารในระบบสหกรณ์มาจัดจำหน่ายในช่วงเช้าวันนี้ ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินกลาง ได้แก่ ข้าวหอมมะลิจำนวน 4 ตัน บรรจุถุงละ 5 กิโลกรัม ราคาถุงละ 160 บาท ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก โดยผ่านไป 2 ชั่วโมง จำหน่ายได้ 400 ถุง หรือปริมาณ 2 ตัน ขณะที่วันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่จะเปิดพื้นที่ด้านหน้ากระทรวงฯ จำหน่ายอีกครั้ง
สำหรับข้าวสารที่นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษครั้งนี้ เป็นข้าวสารที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้สหกรณ์รับซื้อข้าวโดยตรงจากเกษตรกรในราคาสูง แล้วมาสี บรรจุถุง และส่งขายให้หน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ นำมาขายให้ประชาชนในราคากกว่าท้องตลาด
ทั้งนี้ จากการสอบถามประชาชนที่มาซื้อ ส่วนใหญ่บอกว่า อยากช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร พร้อมทั้งเชื่อมั่นในสินค้าผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยด้วยว่า การดึงปริมาณข้าวเปลือกเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นข้าวสาร และเร่งกระจายข้าวสารออกสู่ตลาดในภาวะวิกฤตขณะนี้ นับเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือชาวนา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นว่าระบบสหกรณ์เป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อนำมาแปรรูปเป็นข้าวสาร กระจายบรรจุถุงออกสู่ตลาด เพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคได้ทันท่วงที โดยศักยภาพของสหกรณ์การเกษตร มีโรงสีข้าว 133 แห่ง กำลังการผลิตข้าวสารรวมวันละ 5,464 ตัน มีสหกรณ์ที่มีโรงสีพร้อมอุปกรณ์บรรจุข้าวถุง 47 แห่ง จากจังหวัดอุบลราชธานี สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ สามารถแปรรูปผลิตข้าวสารบรรจุถุงพร้อมจำหน่ายได้ประมาณวันละ 2,170 ตัน หากมีการขยายช่องทางการจำหน่ายข้าวสารได้เพิ่มมากขึ้น กระบวนการสหกรณ์จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตข้าวสารได้เต็มที่ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้
สำหรับข้าวสารที่นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษครั้งนี้ เป็นข้าวสารที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้สหกรณ์รับซื้อข้าวโดยตรงจากเกษตรกรในราคาสูง แล้วมาสี บรรจุถุง และส่งขายให้หน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ นำมาขายให้ประชาชนในราคากกว่าท้องตลาด
ทั้งนี้ จากการสอบถามประชาชนที่มาซื้อ ส่วนใหญ่บอกว่า อยากช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร พร้อมทั้งเชื่อมั่นในสินค้าผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยด้วยว่า การดึงปริมาณข้าวเปลือกเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นข้าวสาร และเร่งกระจายข้าวสารออกสู่ตลาดในภาวะวิกฤตขณะนี้ นับเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือชาวนา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นว่าระบบสหกรณ์เป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อนำมาแปรรูปเป็นข้าวสาร กระจายบรรจุถุงออกสู่ตลาด เพื่อให้ถึงมือผู้บริโภคได้ทันท่วงที โดยศักยภาพของสหกรณ์การเกษตร มีโรงสีข้าว 133 แห่ง กำลังการผลิตข้าวสารรวมวันละ 5,464 ตัน มีสหกรณ์ที่มีโรงสีพร้อมอุปกรณ์บรรจุข้าวถุง 47 แห่ง จากจังหวัดอุบลราชธานี สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ สามารถแปรรูปผลิตข้าวสารบรรจุถุงพร้อมจำหน่ายได้ประมาณวันละ 2,170 ตัน หากมีการขยายช่องทางการจำหน่ายข้าวสารได้เพิ่มมากขึ้น กระบวนการสหกรณ์จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตข้าวสารได้เต็มที่ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้
