เมื่อเวลา 07.20 น. สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และลงนามสมุดหลวงแสดงความอาลัย บริเวณศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน จ.นครปฐม นำคณะผู้บริหาร บุคลากรและนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 จำนวนกว่า 500 คน เดินทางจากจังหวัดนครปฐมตั้งแต่ 04.00 น. เข้ามาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นกลุ่มแรก กล่าวว่า วันนี้เรามากันทั้งมหาวิทยาลัย เพื่อมารำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน มหาวิทยาลัยได้เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท น้อมนำคำสอนในพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2539 โดยให้มีการเรียนการสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในหลักสูตรการบริหารจัดการในมหาวิทยาลัย โครงการและกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิตที่พระองค์ทรงทำให้เห็นจากความพอเพียงและความมีคุณธรรม
นอกจากนี้ ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ในการช่วยเหลือสังคม เรามีคณะพยาบาลศาสตร์ คณะกายวิภาคศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ นักศึกษาของเราได้ออกพื้นที่ไปส่งเสริมดูแลสุขภาพอนามัย วิจัยสิ่งแวดล้อม ในสังคมชุมชนโดยรอบ จากนี้ไปคณะผู้บริหารและเหล่านักศึกษาจะไม่เพียงทำดีเฉพาะช่วงที่พวกเรากำลังโศกเศร้า แต่เราจะทำความดีตลอดไป เพราะพระองค์จะทรงอยู่กับพวกเราตลอดไป อีกทั้งหากเรามีความเคารพ มีน้ำใจ รู้รักสามัคคีต่อกัน ประเทศชาติก็จะยิ่งเจริญขึ้น
น.ส.นภัสนันท์ วงศ์ประภาศรี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสหวิทยาการ สาขาการบัญชี มหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิดเผยว่า เพราะท่านเป็นในหลวงของคนไทย ไม่มีใครในแผ่นดินจะไม่เสียใจ รู้สึกสะเทือนใจมาก พระองค์ท่านทรงทำประโยชน์หลายอย่างไว้ให้พวกเรา อีกทั้งทรงเป็นแบบอย่างให้เรานำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ความประหยัด ที่พระองค์ทรงใช้ยาสีฟันบีบจนหมดหลอด หรือการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่า ขณะที่ในเรื่องวิชาชีพด้วยเรียนด้านการบัญชีเราต้องมีความซื่อสัตย์ ทำบัญชีตามความเป็นจริง และพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด
ขณะที่นางมาลี ตะวัน และนางศิริวรรณ ธรรมศรี ประชาชนชาวมุสลิมจากจังหวัดพังงา เดินทางมาโดยรถทัวร์ ก่อนมารอสักการะพระบรมศพตั้งแต่ 06.30 น. กล่าวว่า อยากใช้เวลาตรงนี้ได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ท่านให้มากที่สุด พระองค์เหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอดชีวิต จึงตั้งใจมาแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แต่อย่างไรท่านก็ยังอยู่ในใจของพวกเราเสมอ ตอนแรกก่อนจะมายังไม่แน่ใจว่าใส่ชุดมุสลิมมาสักการะพระบรมศพขึ้นไปยังศาลาสหทัยได้ แต่ด้วยพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ทรงแบ่งแยกชั้นวรรณะ และศาสนา พระองค์ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือประชาทั่วทุกสารทิศ แม้ไม่เคยเฝ้าฯ รับเสด็จ แต่รับรู้ได้ถึงความรักที่ทรงมีต่อพวกเรา โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชผัก ผลไม้ที่กินได้ มีเหลือก็แจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน ที่สำคัญเราจะรักษาแหล่งท่องเที่ยว แผ่นดินของไทย ทรัพย์สมบัติของเราให้สืบทอดต่อไปยังลูกหลานไม่ตกไปเป็นของคนต่างชาติ
ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน จ.นครปฐม นำคณะผู้บริหาร บุคลากรและนักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 จำนวนกว่า 500 คน เดินทางจากจังหวัดนครปฐมตั้งแต่ 04.00 น. เข้ามาสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นกลุ่มแรก กล่าวว่า วันนี้เรามากันทั้งมหาวิทยาลัย เพื่อมารำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน มหาวิทยาลัยได้เดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท น้อมนำคำสอนในพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2539 โดยให้มีการเรียนการสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในหลักสูตรการบริหารจัดการในมหาวิทยาลัย โครงการและกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิตที่พระองค์ทรงทำให้เห็นจากความพอเพียงและความมีคุณธรรม
นอกจากนี้ ได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ในการช่วยเหลือสังคม เรามีคณะพยาบาลศาสตร์ คณะกายวิภาคศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ นักศึกษาของเราได้ออกพื้นที่ไปส่งเสริมดูแลสุขภาพอนามัย วิจัยสิ่งแวดล้อม ในสังคมชุมชนโดยรอบ จากนี้ไปคณะผู้บริหารและเหล่านักศึกษาจะไม่เพียงทำดีเฉพาะช่วงที่พวกเรากำลังโศกเศร้า แต่เราจะทำความดีตลอดไป เพราะพระองค์จะทรงอยู่กับพวกเราตลอดไป อีกทั้งหากเรามีความเคารพ มีน้ำใจ รู้รักสามัคคีต่อกัน ประเทศชาติก็จะยิ่งเจริญขึ้น
น.ส.นภัสนันท์ วงศ์ประภาศรี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสหวิทยาการ สาขาการบัญชี มหาวิทยาลัยคริสเตียน เปิดเผยว่า เพราะท่านเป็นในหลวงของคนไทย ไม่มีใครในแผ่นดินจะไม่เสียใจ รู้สึกสะเทือนใจมาก พระองค์ท่านทรงทำประโยชน์หลายอย่างไว้ให้พวกเรา อีกทั้งทรงเป็นแบบอย่างให้เรานำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ความประหยัด ที่พระองค์ทรงใช้ยาสีฟันบีบจนหมดหลอด หรือการใช้กระดาษอย่างคุ้มค่า ขณะที่ในเรื่องวิชาชีพด้วยเรียนด้านการบัญชีเราต้องมีความซื่อสัตย์ ทำบัญชีตามความเป็นจริง และพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด
ขณะที่นางมาลี ตะวัน และนางศิริวรรณ ธรรมศรี ประชาชนชาวมุสลิมจากจังหวัดพังงา เดินทางมาโดยรถทัวร์ ก่อนมารอสักการะพระบรมศพตั้งแต่ 06.30 น. กล่าวว่า อยากใช้เวลาตรงนี้ได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ท่านให้มากที่สุด พระองค์เหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอดชีวิต จึงตั้งใจมาแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แต่อย่างไรท่านก็ยังอยู่ในใจของพวกเราเสมอ ตอนแรกก่อนจะมายังไม่แน่ใจว่าใส่ชุดมุสลิมมาสักการะพระบรมศพขึ้นไปยังศาลาสหทัยได้ แต่ด้วยพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ทรงแบ่งแยกชั้นวรรณะ และศาสนา พระองค์ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือประชาทั่วทุกสารทิศ แม้ไม่เคยเฝ้าฯ รับเสด็จ แต่รับรู้ได้ถึงความรักที่ทรงมีต่อพวกเรา โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชผัก ผลไม้ที่กินได้ มีเหลือก็แจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน ที่สำคัญเราจะรักษาแหล่งท่องเที่ยว แผ่นดินของไทย ทรัพย์สมบัติของเราให้สืบทอดต่อไปยังลูกหลานไม่ตกไปเป็นของคนต่างชาติ