นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า กรมเจ้าท่าได้ประกาศปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารของเรือกลเดินประจำทาง ซึ่งให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมนี้ โดยอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางของบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด 4 เส้นทาง ได้แก่ เรือด่วนเจ้าพระยา ธงธรรมดา เรือด่วนเจ้าพระยาด่วนพิเศษ ธงส้ม เรือด่วนเจ้าพระยาด่วนพิเศษ ธงเหลือง เรือด่วนเจ้าพระยาด่วนเจ้าพระยา ธงเขียว ให้ปรับค่าโดยสารเพิ่มหรือลดตามช่วงราคาน้ำมันอัตราละ 1 บาท
ส่วนอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 12 เส้นทาง ให้ปรับค่าโดยสารเพิ่มหรือลด ตามช่วงราคาน้ำมันอัตราละ 0.50 บาท ทั้งหมด 4 อัตรา คือ ราคาน้ำมันลิตรละ 17.01 – 21 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 21.01 – 25 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 25.01 – 29 บาท และน้ำมันลิตรละ 29.01 – 33 บาท
สำหรับอัตราค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบ เส้นทางวัดศรีบุญเรือง – สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ให้ปรับค่าโดยสารเพิ่มหรือลดตามช่วงราคาน้ำมันอัตราละ 1 บาท ทั้งหมด 5 อัตรา คือ ราคาน้ำมันลิตรละ 17.01 – 21 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 21.01 – 25 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 25.01 – 27 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 27.01 – 29 บาท และราคาน้ำมันลิตรละ 29.01 – 31 บาท โดยให้ปรับเพิ่มหรือลดอัตราค่าโดยสารทันที แต่การปรับขึ้นหรือลงในแต่ละครั้งนั้นน้ำมันช่วงระยะเวลา 10 วันต้องนิ่งไม่ผันผวน หลังจากนั้นกรมเจ้าท่าจะออกประกาศขึ้นราคาค่าโดยสารวันต่อไป และมีผลบังคับใช้ในอีก 5 วันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ในช่วงที่ประชาชนเศร้าโศกนั้น นายศรศักดิ์ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวมีการประชุมตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ผ่านมา แต่การประกาศมีผลบังคับใช้ 30 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 16 ตุลาคม และไม่ได้ส่งผลให้ค่าเรือโดยสารปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะราคาน้ำมันดีเซลยังไม่ถึงลิตรละ 25 บาท
ทั้งนี้ ยืนยันว่า โครงสร้างต้นทุนค่าโดยสารใหม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยนำสถานการณ์เศรษฐกิจ ต้นทุนน้ำมัน และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา จากเดิมที่คิดเฉพาะผลกระทบจากผู้ประกอบการและน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น และเชื่อว่ามีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและประชาชนแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้ประกอบการเดินเรือรายใดเอาเปรียบผู้บริโภค จะต้องถูกลงโทษ โดยเบื้องต้นจะว่ากล่าวตักเตือน และถ้ายังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โขกราคาสูงเกินควร โทษสูงสุดเพิกถอนใบอนุญาต
ส่วนอัตราค่าโดยสารเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 12 เส้นทาง ให้ปรับค่าโดยสารเพิ่มหรือลด ตามช่วงราคาน้ำมันอัตราละ 0.50 บาท ทั้งหมด 4 อัตรา คือ ราคาน้ำมันลิตรละ 17.01 – 21 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 21.01 – 25 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 25.01 – 29 บาท และน้ำมันลิตรละ 29.01 – 33 บาท
สำหรับอัตราค่าโดยสารเรือคลองแสนแสบ เส้นทางวัดศรีบุญเรือง – สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ให้ปรับค่าโดยสารเพิ่มหรือลดตามช่วงราคาน้ำมันอัตราละ 1 บาท ทั้งหมด 5 อัตรา คือ ราคาน้ำมันลิตรละ 17.01 – 21 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 21.01 – 25 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 25.01 – 27 บาท ราคาน้ำมันลิตรละ 27.01 – 29 บาท และราคาน้ำมันลิตรละ 29.01 – 31 บาท โดยให้ปรับเพิ่มหรือลดอัตราค่าโดยสารทันที แต่การปรับขึ้นหรือลงในแต่ละครั้งนั้นน้ำมันช่วงระยะเวลา 10 วันต้องนิ่งไม่ผันผวน หลังจากนั้นกรมเจ้าท่าจะออกประกาศขึ้นราคาค่าโดยสารวันต่อไป และมีผลบังคับใช้ในอีก 5 วันข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ในช่วงที่ประชาชนเศร้าโศกนั้น นายศรศักดิ์ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวมีการประชุมตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ผ่านมา แต่การประกาศมีผลบังคับใช้ 30 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 16 ตุลาคม และไม่ได้ส่งผลให้ค่าเรือโดยสารปรับราคาเพิ่มขึ้น เพราะราคาน้ำมันดีเซลยังไม่ถึงลิตรละ 25 บาท
ทั้งนี้ ยืนยันว่า โครงสร้างต้นทุนค่าโดยสารใหม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยนำสถานการณ์เศรษฐกิจ ต้นทุนน้ำมัน และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา จากเดิมที่คิดเฉพาะผลกระทบจากผู้ประกอบการและน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่านั้น และเชื่อว่ามีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและประชาชนแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้ประกอบการเดินเรือรายใดเอาเปรียบผู้บริโภค จะต้องถูกลงโทษ โดยเบื้องต้นจะว่ากล่าวตักเตือน และถ้ายังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โขกราคาสูงเกินควร โทษสูงสุดเพิกถอนใบอนุญาต