นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงกินเจติดต่อกัน ส่งผลให้ร่างกายมีการปรับระบบการย่อยอาหาร จากที่ย่อยเนื้อสัตว์มาเป็นพืชผักแทน เมื่อร่างกายต้องกลับมากินอาหารตามปกติ ผู้บริโภคจึงต้องมีการปรับสภาพร่างกายด้วยการกินอาหารย่อยง่ายประเภทเนื้อปลา ผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยากประเภท เนื้อวัว เนื้อหมู เนื่องจากระยะแรกร่างกายอาจจะต้องมีการปรับระบบการย่อยอาหารจากพืชผักมาเป็นเนื้อสัตว์ ซึ่งหากมีการบริโภคอาหารที่ย่อยยากในช่วงแรก อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยได้ โดยภายหลังจากที่ร่างกายสามารถปรับสภาพการย่อยอาหารได้กลับมาสู่ภาวะเดิม ผู้บริโภคจะสามารถกินอาหารตามปกติได้ และทางที่ดีควรกินอาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัย
นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า การกินอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน ควรยึดตามโภชนบัญญัติ 9 ประการ คือ 1.กินอาหารให้ครบ ทั้ง 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนัก 2.กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ 3.กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ 4.กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ และกินไข่วันละ 1 ฟองสำหรับคนทั่วไป และไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง 5.ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัยเพราะนมเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินบีและแคลเซียม 6.กินอาหารที่มีไขมันแต่พอเหมาะ ซึ่งโดยปกติร่างกายควรได้รับไขมันในแต่ละวันไม่เกินร้อยละ 20 – 35 ของพลังงานที่ได้รับจากสารอาหารทั้งหมด คือไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา 7.หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่หวานจัดและเค็มจัด 8.กินอาหาร ที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน และ 9.งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
นายแพทย์วชิระ กล่าวต่อไปว่า การกินอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน ควรยึดตามโภชนบัญญัติ 9 ประการ คือ 1.กินอาหารให้ครบ ทั้ง 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนัก 2.กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ 3.กินพืชผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ 4.กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ และกินไข่วันละ 1 ฟองสำหรับคนทั่วไป และไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง 5.ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัยเพราะนมเป็นแหล่งโปรตีน วิตามินบีและแคลเซียม 6.กินอาหารที่มีไขมันแต่พอเหมาะ ซึ่งโดยปกติร่างกายควรได้รับไขมันในแต่ละวันไม่เกินร้อยละ 20 – 35 ของพลังงานที่ได้รับจากสารอาหารทั้งหมด คือไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา 7.หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่หวานจัดและเค็มจัด 8.กินอาหาร ที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน และ 9.งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์