นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะเข้ามาตรวจสอบการบินไทย ในฐานะที่ให้บริการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซื้อบริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำของการบินไทยเดินทางไปฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เพื่อปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ขอเข้ามาตรวจสอบที่การบินไทยแล้ว ซึ่งทางบริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การบินไทยขอยืนยันว่า การเดินทางครั้งนี้ในเที่ยวบินขาไป มีผู้โดยสาร 38 คน และเที่ยวบินขากลับมีผู้โดยสาร 41 คน
สำหรับกรณีที่สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คณะผู้เดินทางมีเพียง 38 คน แต่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มาใช้ทำการบิน ทั้งที่บรรจุได้กว่า 400 คน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณนั้น นายจรัมพร ชี้แจงว่า สาเหตุที่เลือกใช้เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มาใช้ทำการบิน เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่สามารถทำการบินข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องแวะพักเติมเชื้อเพลิงระหว่างทาง และเป็นเครื่องบินที่บริษัทฯ มีให้บริการได้เพียงพอ สามารถนำมาให้บริการเช่าเหมาลำได้ โดยไม่กระทบกับตารางการบินปกติ
ส่วนเรื่องเมนูอาหารบนเครื่องบินที่สังคมออนไลน์ระบุว่ามีเมนูไข่ปลาคาเวียร์ราคาแพงด้วยนั้น นายจรัมพร ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่พร้อมชี้แจงกับ สตง. เบื้องต้นในเที่ยวบินไปและกลับได้ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มรวม 4 มื้อหลัก มีอาหารว่างตลอดการเดินทาง และอาหารสำรองที่ต้องจัดเตรียมไว้ในกรณีที่การทำการบินไม่เป็นไปตามแผนการบิน ซึ่งการจัดเตรียมอาหารจะพิจารณาจากระยะเวลาที่ใช้ทำการบิน โดยเส้นทางกรุงเทพฯ - ฮาวาย ใช้เวลาทำการบิน 12.30 ชั่วโมง ส่วนเที่ยวกลับเส้นทางฮาวาย - กรุงเทพฯ ใช้เวลาทำการบิน 12.45 ชั่วโมง ทั้งนี้ การบินไทยได้นำเสนอเมนูหลากหลายให้กับผู้ซื้อบริการเป็นผู้เลือกก่อนการเดินทาง เพื่อให้บริการผู้โดยสารบนเครื่องบินตามมาตรฐานพรีเมียมของการบินไทย
นายจรัมพร กล่าวว่า การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องทำด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และขอยืนยันว่า การคิดค่าใช้จ่ายการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่การบินไทยเสนอไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นราคาประมาณการ เป็นราคาที่เสนอระหว่างองค์กรของรัฐต่อรัฐตามราคาต้นทุน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และสามารถเปรียบเทียบราคากับสายการบินอื่นในระดับพรีเมียมได้ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว การบินไทยจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
สำหรับกรณีที่สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คณะผู้เดินทางมีเพียง 38 คน แต่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มาใช้ทำการบิน ทั้งที่บรรจุได้กว่า 400 คน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณนั้น นายจรัมพร ชี้แจงว่า สาเหตุที่เลือกใช้เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มาใช้ทำการบิน เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่สามารถทำการบินข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องแวะพักเติมเชื้อเพลิงระหว่างทาง และเป็นเครื่องบินที่บริษัทฯ มีให้บริการได้เพียงพอ สามารถนำมาให้บริการเช่าเหมาลำได้ โดยไม่กระทบกับตารางการบินปกติ
ส่วนเรื่องเมนูอาหารบนเครื่องบินที่สังคมออนไลน์ระบุว่ามีเมนูไข่ปลาคาเวียร์ราคาแพงด้วยนั้น นายจรัมพร ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่พร้อมชี้แจงกับ สตง. เบื้องต้นในเที่ยวบินไปและกลับได้ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มรวม 4 มื้อหลัก มีอาหารว่างตลอดการเดินทาง และอาหารสำรองที่ต้องจัดเตรียมไว้ในกรณีที่การทำการบินไม่เป็นไปตามแผนการบิน ซึ่งการจัดเตรียมอาหารจะพิจารณาจากระยะเวลาที่ใช้ทำการบิน โดยเส้นทางกรุงเทพฯ - ฮาวาย ใช้เวลาทำการบิน 12.30 ชั่วโมง ส่วนเที่ยวกลับเส้นทางฮาวาย - กรุงเทพฯ ใช้เวลาทำการบิน 12.45 ชั่วโมง ทั้งนี้ การบินไทยได้นำเสนอเมนูหลากหลายให้กับผู้ซื้อบริการเป็นผู้เลือกก่อนการเดินทาง เพื่อให้บริการผู้โดยสารบนเครื่องบินตามมาตรฐานพรีเมียมของการบินไทย
นายจรัมพร กล่าวว่า การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องทำด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และขอยืนยันว่า การคิดค่าใช้จ่ายการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่การบินไทยเสนอไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นราคาประมาณการ เป็นราคาที่เสนอระหว่างองค์กรของรัฐต่อรัฐตามราคาต้นทุน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และสามารถเปรียบเทียบราคากับสายการบินอื่นในระดับพรีเมียมได้ และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว การบินไทยจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง