นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้เตรียมเสนอมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเดือนกันยายนมีเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวส่งสัญญาณชะลอตัวเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อน ซึ่งยังขยายตัวได้ดี เช่น ยอดขายปูนซิเมนต์ลดลงสะท้อนถึงการก่อสร้างชะลอตัว รวมถึงยอดขายรถยนต์นั่งเชิงพาณิชย์หดตัวสะท้อนถึงการบริโภคลดลงอาจกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 3.5 เหมือนในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เหมือนช่วงปลายปีก่อน เพื่อดูแลให้จีดีพีไตรมาส 3 สูงกว่าไตรมาส 2 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.2 รวมถึงดูแลให้ขยายตัวต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ ยังต้องช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่ม แม้ช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้วแต่ยังไม่ทั่วถึง ส่วนการลงทุนที่ยังล่าช้านั้น เป็นเพราะภาคเอกชนไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจโลก จึงไม่กล้าตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ แม้ว่ารัฐบาลมีมาตรการออกมามากแล้ว เห็นได้จากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปก็ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เคยคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม นายอภิศักดิ์ ยอมรับว่า การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่เกิดนั้นเป็นสิ่งที่ไอเอ็มเอฟท้วงติงมาว่า ทั้งที่มีมาตรการสนับสนันอย่างมาก จึงอยากให้เอกชนมองการลงทุนรองรับภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนภาครัฐจะเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีงบลงทุนรวมกันกว่า 10 ล้านล้านบาท ให้ดึงงบส่วนหนึ่งมาลงทุนเร็วขึ้นปีหน้า เพื่อดึงให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนตาม
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เหมือนช่วงปลายปีก่อน เพื่อดูแลให้จีดีพีไตรมาส 3 สูงกว่าไตรมาส 2 ซึ่งขยายตัวร้อยละ 3.2 รวมถึงดูแลให้ขยายตัวต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ ยังต้องช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่ม แม้ช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้วแต่ยังไม่ทั่วถึง ส่วนการลงทุนที่ยังล่าช้านั้น เป็นเพราะภาคเอกชนไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจโลก จึงไม่กล้าตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ แม้ว่ารัฐบาลมีมาตรการออกมามากแล้ว เห็นได้จากเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปก็ไม่ได้ฟื้นตัวอย่างที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เคยคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม นายอภิศักดิ์ ยอมรับว่า การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่เกิดนั้นเป็นสิ่งที่ไอเอ็มเอฟท้วงติงมาว่า ทั้งที่มีมาตรการสนับสนันอย่างมาก จึงอยากให้เอกชนมองการลงทุนรองรับภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนภาครัฐจะเร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีงบลงทุนรวมกันกว่า 10 ล้านล้านบาท ให้ดึงงบส่วนหนึ่งมาลงทุนเร็วขึ้นปีหน้า เพื่อดึงให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนตาม