นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย กล่าวในการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 2 ปี ว่าเหตุการณ์ 2 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติต่างมองว่าไทยจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว เพราะบ้านเมืองไม่สงบ ไม่ปลอดภัย ประชาชนแตกแยก กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ กลไกการทำงานของประเทศหยุดชะงัก และประชาชนไม่เชื่อถืออำนาจรัฐ ซึ่งในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาจัดระเบียบการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ตุลาการ และฝ่ายบริหาร ด้วยการฟื้นฟูกลไกการทำงานของประเทศ เพื่อนำความสงบเรียบร้อยคืนสู่สังคม ทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ และการจัดระเบียบสังคม โดยย้ำว่าเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ คสช. สามารถดำเนินการตามแผนได้ คือ กฎหมาย
ทั้งนี้ นายวิษณุ ชี้แจงว่า ในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2551-2557) สภาพบ้านเมืองไม่อำนวยต่อการออกกฎหมาย อันมีสาเหตุจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้ออกกฎหมายได้เพียง 120 ฉบับ แต่ภายหลังจากที่ คสช. เข้ามาดูแลประเทศ สามารถออกกฎหมายได้ 187 ฉบับ อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 27 ฉบับ และมีการใช้มาตรา 44 อีก 105 ฉบับ ซึ่งถือว่ามีอยู่อย่างเพียงพอที่จะขับเคลื่อนการบริหารประเทศ รวมถึงสามารถอำนวยความสะดวก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการ และระบบยุติธรรมได้มากขึ้น
ทั้งนี้ นายวิษณุ ชี้แจงว่า ในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2551-2557) สภาพบ้านเมืองไม่อำนวยต่อการออกกฎหมาย อันมีสาเหตุจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้ออกกฎหมายได้เพียง 120 ฉบับ แต่ภายหลังจากที่ คสช. เข้ามาดูแลประเทศ สามารถออกกฎหมายได้ 187 ฉบับ อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 27 ฉบับ และมีการใช้มาตรา 44 อีก 105 ฉบับ ซึ่งถือว่ามีอยู่อย่างเพียงพอที่จะขับเคลื่อนการบริหารประเทศ รวมถึงสามารถอำนวยความสะดวก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการ และระบบยุติธรรมได้มากขึ้น