นายสมชาย แสวงการ กรรมาธิการสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาเพื่อยกร่างข้อบังคับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ จะพิจารณาศึกษายกร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ผ่านการออกเสียงประชามติ และให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 เกี่ยวกับการเพิ่มจำนวน สนช.จาก 220 เป็น 250 คน นั้น ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังกรรมาธิการสามัญประจำ สนช.ทั้ง 16 คณะ เพื่อสอบถามความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมเพื่อรองรับสมาชิก สนช.ใหม่ จำนวน 30 คนอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องจำนวนกรรมาธิการในคณะต่างๆ ที่เดิมข้อบังคับการประชุม สนช.กำหนดไว้ว่า ต้องมีจำนวนกรรมาธิการตั้งแต่ 11-26 คน แต่จะขยายจำนวนเป็นตั้งแต่ 15-30 คน หรือจะเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำ สนช.ขึ้นใหม่หรือไม่
นายสมชาย กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการสามัญฯ แต่ละคณะ ต้องไปถามความเห็นของกรรมาธิการในคณะนั้นๆ ว่าจะเลือกในแบบใด พร้อมกับให้เหตุผลประกอบด้วย ซึ่งหากเห็นว่า ให้เพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำ สนช. ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่พื่อรองรับสมาชิก ซึ่งต้องมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำกรรมาธิการ พร้อมงบประมาณ ส่วนแบบแรกก็เพิ่มเพียงจำนวนสมาชิก สนช.เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดูแนวโน้มแล้วส่วนใหญ่เห็นว่าควรไปเพิ่มจำนวนกรรมาธิการจะมีความเหมาะสมมากกว่า เพราะกรอบการทำงานของแต่ละคณะกรรมาธิการ ก็ครอบคลุมงานตามภารกิจที่ สนช.ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะต้องแก้ไขข้อบังคับการประชุม สนช. เกี่ยวกับเรื่องของการถอดถอน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่มีบทบัญญัติให้ สนช.มีหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีเพียงการแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่องค์กรต่างๆ
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สนช. กล่าวว่า เวลาที่เหลืออยู่เพียงปีเศษ ไม่ควรที่จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่ขึ้นมา คณะกรรมาธิการฯ 16 คณะที่มีอยู่ก็สามารถทำงานตามกรอบภารกิจของ สนช.ได้หมดแล้ว อีกทั้งมีคณะกรรมาธิการฯบางคณะที่คนไม่ครบตามจำนวน เช่น คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขมีเพียง 17 คน ซึ่ง สนช.ใหม่ จำนวน 30 คนก็สามารถไปทำงานในคณะกรรมาธิการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งขึ้นมาใหม่
นายสมชาย กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการสามัญฯ แต่ละคณะ ต้องไปถามความเห็นของกรรมาธิการในคณะนั้นๆ ว่าจะเลือกในแบบใด พร้อมกับให้เหตุผลประกอบด้วย ซึ่งหากเห็นว่า ให้เพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำ สนช. ก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่พื่อรองรับสมาชิก ซึ่งต้องมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำกรรมาธิการ พร้อมงบประมาณ ส่วนแบบแรกก็เพิ่มเพียงจำนวนสมาชิก สนช.เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดูแนวโน้มแล้วส่วนใหญ่เห็นว่าควรไปเพิ่มจำนวนกรรมาธิการจะมีความเหมาะสมมากกว่า เพราะกรอบการทำงานของแต่ละคณะกรรมาธิการ ก็ครอบคลุมงานตามภารกิจที่ สนช.ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะต้องแก้ไขข้อบังคับการประชุม สนช. เกี่ยวกับเรื่องของการถอดถอน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่มีบทบัญญัติให้ สนช.มีหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีเพียงการแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่องค์กรต่างๆ
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สนช. กล่าวว่า เวลาที่เหลืออยู่เพียงปีเศษ ไม่ควรที่จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดใหม่ขึ้นมา คณะกรรมาธิการฯ 16 คณะที่มีอยู่ก็สามารถทำงานตามกรอบภารกิจของ สนช.ได้หมดแล้ว อีกทั้งมีคณะกรรมาธิการฯบางคณะที่คนไม่ครบตามจำนวน เช่น คณะกรรมาธิการการสาธารณสุขมีเพียง 17 คน ซึ่ง สนช.ใหม่ จำนวน 30 คนก็สามารถไปทำงานในคณะกรรมาธิการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องตั้งขึ้นมาใหม่
