นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน น่าน และพะเยา โดยมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และน่าน โดย จ.แม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนักมีน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำไหลหลากในอำเภอปาย รวม 6 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,339 ครัวเรือน รถยนต์ 16 คัน รถจักรยานยนต์ 50 คัน ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่ยังคงท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
ส่วนที่ จ.น่าน เกิดฝนตกหนักมีน้ำไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่ อ.สันติสุข รวม 31 ตำบล 198 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,009 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง จ.พะเยา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในลำน้ำงิมไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ปง อ.เชียงคำ อ.เชียงม่วน และ อ.ภูซาง รวม 16 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,405 ครัวเรือน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ผู้สูญหาย 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง
ทั้งนี้ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ ปภ. บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยส่งเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย แจกจ่ายถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น รวมถึงระดมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยปฏิบัติการช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องยนต์และอาคารบ้านเรือนของประชาชนให้อยู่ในสภาพปลอดภัย
นอกจากนี้ ปภ.ได้ประสานแจ้งเตือนให้จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน และพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ประสบสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนที่ จ.น่าน เกิดฝนตกหนักมีน้ำไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่ อ.สันติสุข รวม 31 ตำบล 198 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,009 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง จ.พะเยา เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในลำน้ำงิมไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ปง อ.เชียงคำ อ.เชียงม่วน และ อ.ภูซาง รวม 16 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,405 ครัวเรือน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ผู้สูญหาย 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง
ทั้งนี้ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ ปภ. บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือและดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยส่งเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย แจกจ่ายถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น รวมถึงระดมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยปฏิบัติการช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องยนต์และอาคารบ้านเรือนของประชาชนให้อยู่ในสภาพปลอดภัย
นอกจากนี้ ปภ.ได้ประสานแจ้งเตือนให้จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน และพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ประสบสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง