นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ว่า ส่วนตัวเคยทำงานและติดตามเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เมื่อดูข้อมูลแล้วยังไม่สามารถตัดประเด็นใดๆ ออกได้ เพราะต้องดูแรงจูงใจ และต้องดูตั้งแต่ผู้บงการ ผู้สนับสนุน อย่างข้อมูลการประกอบระเบิดที่จะบ่งชี้ทางวิทยาศาตร์ได้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เป็นการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือจงใจทำเหมือนกับการก่อเหตุในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่การจะวิเคราะห์ต้องมีตัวละครที่มากกว่านี้ ขณะที่ประเด็นต่างประเทศ น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุน้อยที่สุด ตนทราบว่า หน่วยข่าวกรอง และผู้บังคับใช้กฎหมายกำลังดำเนินการ หากได้ตัวละครมากขึ้น ก็ทำให้พบมูลเหตุจูงใจ พบเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องมากขึ้นได้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การทำงานในหน่วยข่าวกรองมีทั้งความยากง่ายในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ต้องยอมรับเมื่อมีเสียงตำหนิ และต้องลงไปดูว่า มองข้ามสิ่งใดบ้าง จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ซึ่งขณะนี้หน่วยข่าวกรองกำลังปรับการทำงานและทำงานอย่างใกล้ชิด ทุกฝ่ายต่างก็ทุ่มเท ติดตามดูทั้งเป้าหมายการก่อเหตุและสืบสวนหาตัวละครต่างๆ ซึ่งยอมรับว่า หน่วยข่าวกรองจำเป็นต้องปรับปรุงตัวเอง เรื่องนี้ทางหน่วยข่าวกรองก็มีแผนการพัฒนาระบบข่าวกรองอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญในการดูแลชุมชนและเครือข่ายภาคประชาชนที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การทำงานในหน่วยข่าวกรองมีทั้งความยากง่ายในแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ต้องยอมรับเมื่อมีเสียงตำหนิ และต้องลงไปดูว่า มองข้ามสิ่งใดบ้าง จึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ซึ่งขณะนี้หน่วยข่าวกรองกำลังปรับการทำงานและทำงานอย่างใกล้ชิด ทุกฝ่ายต่างก็ทุ่มเท ติดตามดูทั้งเป้าหมายการก่อเหตุและสืบสวนหาตัวละครต่างๆ ซึ่งยอมรับว่า หน่วยข่าวกรองจำเป็นต้องปรับปรุงตัวเอง เรื่องนี้ทางหน่วยข่าวกรองก็มีแผนการพัฒนาระบบข่าวกรองอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญในการดูแลชุมชนและเครือข่ายภาคประชาชนที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ