พล.ต.ต. ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยว่า ยอดผู้ขัดขวางการลงประชามติทั่วประเทศขณะนี้มี 58 คดี ทั้งคดีลักทรัพย์อุปกรณ์หรือป้ายการลงประชามติ การทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียง หรือฉีดพ่นสีเสปรย์ขัดขวางการลงประชามติ โดยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียง จะดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มต่อต้าน บิดเบือนโจมตีร่างรัฐธรรมนูญ หรือกลุ่มสนับสนุน ชี้นำการลงประชามติ พร้อมเฝ้าระวังการพนันทายผลประชามติอย่างเข้มงวด ขณะที่การข่าวยังไม่พบกลุ่มใดออกมาเคลื่อนไหว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดูแลรักษาความปลอดภัย ตำรวจจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2 แสนนาย ดูแลหน่วยออกเสียงทั่วประเทศ โดยไม่กังวลเรื่องคืนหมาหอน เพราะการออกเสียงลงประชามติแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไป พร้อมฝากเตือนประชาชนที่จะไปออกเสียง ให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และระวังเรื่องการถ่ายรูปเซลฟี่กับคูหาออกเสียง เพราะหากรูปดังกล่าวมีลักษณะชี้นำการออกเสียงลงประชามติ ไม่ว่าจะด้วยสัญลักษณ์ท่าทางใดๆ หรือถ่ายติดบัตรออกเสียงภายในคูหา จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนกรณีที่มีอดีตนักการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นผู้พิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดูแลรักษาความปลอดภัย ตำรวจจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2 แสนนาย ดูแลหน่วยออกเสียงทั่วประเทศ โดยไม่กังวลเรื่องคืนหมาหอน เพราะการออกเสียงลงประชามติแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไป พร้อมฝากเตือนประชาชนที่จะไปออกเสียง ให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และระวังเรื่องการถ่ายรูปเซลฟี่กับคูหาออกเสียง เพราะหากรูปดังกล่าวมีลักษณะชี้นำการออกเสียงลงประชามติ ไม่ว่าจะด้วยสัญลักษณ์ท่าทางใดๆ หรือถ่ายติดบัตรออกเสียงภายในคูหา จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนกรณีที่มีอดีตนักการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เป็นผู้พิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่