นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการนำส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการกำหนดให้บุคคลธรมดา นิติบุคคล ยื่นแบบเสดงรายการเสียภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 35 ให้เพิ่มเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 เพื่อเน้นให้ธุรกิจรายใหญ่ยื่นแบบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ การปรับระบบหักภาษี ณ ที่จ่าย จากเดิมภาคเอกชนต้องกรอกแบบฟอร์ม 56 ทวิ และนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือน เปลี่ยนเป็นการนำส่งโดยอัตโนมัติ หลังหัก ณ ที่จ่ายให้กรมสรรพากรโดยตรงทันทีรวมเป็นเงินประมาณ 32,000 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อลดต้นทุนด้านเอกสารและอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ และกำหนดให้กรมสรรพากรมีอำนาจเรียกเอกสารใบเสร็จ เช่น การซื้อกองทุน LTF, RMF เงินบริจาคมูลนิธิองค์กร จากบริษัทหรือองค์กรต่างๆ โดยไม่ต้องให้บุคคลธรรมดานำส่งการขอคืนภาษี เพื่อปรับเข้าสู่ระบบ E-Goverment ในอนาคต