xs
xsm
sm
md
lg

รบ.จัดสรรงบ 3 หมื่นล.ยกระดับคุณภาพชีวิต จชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยได้กำหนดนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2559 - 2561 ที่เน้นการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และแนวทาง "สันติวิธี" มาประยุกต์ใช้ ผ่านกลไกการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งวันนี้สถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ดีขึ้น เหตุความรุนแรงน้อยลง แต่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังคงเฝ้าติดตาม และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเข้มงวด และได้ทำงานร่วมกับประชาชนตามแนวทางประชารัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการลงทุน โดยหลังจากเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว มีการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ในปี 59 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์เร่งรัดการพัฒนารากฐานที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ ยังออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ไม่จำกัดวงเงิน และลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี รวมทั้งอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือได้
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้ขยายเวลามาตรการภาษีให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจใน จ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สตูล และ จ.สงขลา เฉพาะที่ อ.จะนะ เทพา นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย เช่น ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ และยังให้บุคคลและบริษัทห้างร้านสามารถหักค่าใช้จ่ายค่าซื้อค่าติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในอัตราร้อยละ 100 ของรายจ่าย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อีกทางหนึ่ง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนใต้เพิ่มเติม เช่น พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา-ปาดังเบซาร์ ปรับปรุงขีดความสามารถท่าเรือสงขลาและท่าเรือปัตตานี พัฒนานิคมอุตสาหกรรมฉลุง พัฒนาตลาดชายแดนสะเดา ปาดังเบซาร์ เบตง สุไหงโกลก และตากใบ ส่งเสริมสินค้าโอท็อปป้อนตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ และพัฒนาหมู่เกาะตะรุเตา อาดัง-ราวี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ระดับโลก ฯลฯ โดยให้เร่งรัดศึกษาข้อมูล หากโครงการใดที่มีความพร้อมก็ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 เป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น