พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมชลประทานเตรียมปรับแผนการระบายน้ำเพิ่มจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรองรับน้ำหลากช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม เนื่องจากประเทศไทย มีแนวโน้มจะเกิดฝนตกใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยหรือสูงกว่าเล็กน้อย และพบว่าสถิติปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนจากฝนเฉลี่ย เดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร จากที่สามารถรับน้ำได้ 611 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีน้ำไหลลงเขื่อนประมาณ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่สามารถรับน้ำได้ 784 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีแนวโน้มน้ำจะเต็มเขื่อน จึงได้ปรับแผนการระบายน้ำจากเขื่อนทั้งสองแห่งเพิ่มมากขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้ จากเดิมระบายน้ำในเขื่อนแควน้อยฯ วันละ 2.4 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนป่าสักฯ เพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 2.16 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 3 - 5 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนและส่งผลดีต่อพื้นที่ปลูกข้าวนาปี ในเขตโครงการชลประทานฯ 220,000 ไร่ ให้ทำนาปีได้อย่างเต็มพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกกว่า 814,000 ไร่ โดยไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำเก็บกัก สำหรับใช้ในหน้าแล้งที่จะมาถึง แม้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 10
ทั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนและส่งผลดีต่อพื้นที่ปลูกข้าวนาปี ในเขตโครงการชลประทานฯ 220,000 ไร่ ให้ทำนาปีได้อย่างเต็มพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ยังไม่ได้เพาะปลูกอีกกว่า 814,000 ไร่ โดยไม่ส่งผลกระทบกับปริมาณน้ำเก็บกัก สำหรับใช้ในหน้าแล้งที่จะมาถึง แม้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนจะน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 10
