ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงินเมื่อวานนี้ว่า เสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ กำลังเผชิญภาวะท้าทาย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ร่วงลงเกือบ 5% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,840.62 จุด ร่วงลง 108.75 จุด หรือ -0.61% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,822.90 จุด ลดลง 39.67 จุด หรือ -0.82% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,088.55 จุด ลดลง 14.40 จุด หรือ -0.68%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจาก BoE เปิดเผยรายงานเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีเมื่อวานนี ซึ่งเป็นการเปิดเผยรายงานครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานของ BoE ระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
"จะมีช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน และการปรับเปลี่ยน หลังการลงประชามติ โดยสหราชอาณาจักรต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ขณะที่จะเกิดความผันผวนต่อเศรษฐกิจ และตลาดในช่วงที่กระบวนการดังกล่าวดำเนินไป" รายงานของ BoE ระบุ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลว่า วิกฤต Brexit อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าเมื่อวานนี้ นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE ได้พยายามลดกระแสความวิตกกังวลในตลาดการเงิน ด้วยการแถลงว่า ระบบการเงินของสหราชอาณาจักรยังคงมีความแข็งแกร่ง และเขาได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ ในช่วงก่อนและหลัง Brexit
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ร่วงลงด้วยเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของ Brexit นั้น จะทำให้อุปสงค์พลังงานอ่อนแรงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ไนจีเรียและซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 2.39 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 46.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวผลกระทบของ Brexit ที่จะมีต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเชฟรอนปรับตัวลง 0.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.9% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดิ่งลง 4.2%
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในกรณีที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 19.70 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ระดับ 1,358.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit และตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันนั้น ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงินเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.
สรุปดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก (5ก.ค.)
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,840.62 จุด ลดลง 108.75 จุด, -0.61%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,822.90 จุด ลดลง 39.67 จุด, -0.82%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,088.55 จุด ลดลง 14.40 จุด, -0.68%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,163.42 จุด ลดลง 71.44 จุด, -1.69%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,532.61 จุด ลดลง 176.48 จุด, -1.82%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,545.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด, +0.35%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,166.87 จุด ลดลง 111.89 จุด, -0.41%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,864.67 จุด ลดลง 5.89 จุด, -0.21%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,750.72 จุด ลดลง 308.48 จุด, -1.46%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,808.13 จุด ลดลง 38.41 จุด, -0.49%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,006.39 จุด เพิ่มขึ้น 17.79 จุด, +0.60%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,228.00 จุด ลดลง 53.80 จุด, -1.02%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,312.80 จุด ลดลง 52.40 จุด, -0.98%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,989.85 จุด ลดลง 5.45 จุด, -0.27%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,669.33 จุด ลดลง 106.47 จุด, -0.67%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,716.07 จุด ลดลง 44.51 จุด, -0.51%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,840.62 จุด ร่วงลง 108.75 จุด หรือ -0.61% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,822.90 จุด ลดลง 39.67 จุด หรือ -0.82% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,088.55 จุด ลดลง 14.40 จุด หรือ -0.68%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit หลังจาก BoE เปิดเผยรายงานเสถียรภาพการเงินรอบครึ่งปีเมื่อวานนี ซึ่งเป็นการเปิดเผยรายงานครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว
รายงานของ BoE ระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
"จะมีช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน และการปรับเปลี่ยน หลังการลงประชามติ โดยสหราชอาณาจักรต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ขณะที่จะเกิดความผันผวนต่อเศรษฐกิจ และตลาดในช่วงที่กระบวนการดังกล่าวดำเนินไป" รายงานของ BoE ระบุ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลว่า วิกฤต Brexit อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าเมื่อวานนี้ นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE ได้พยายามลดกระแสความวิตกกังวลในตลาดการเงิน ด้วยการแถลงว่า ระบบการเงินของสหราชอาณาจักรยังคงมีความแข็งแกร่ง และเขาได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางแห่งอื่นๆ ในช่วงก่อนและหลัง Brexit
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ร่วงลงด้วยเมื่อคืนนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของ Brexit นั้น จะทำให้อุปสงค์พลังงานอ่อนแรงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ไนจีเรียและซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 2.39 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 46.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 2.14 ดอลลาร์ หรือ 4.3% ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวผลกระทบของ Brexit ที่จะมีต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงิน ซึ่งระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเชฟรอนปรับตัวลง 0.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.9% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดิ่งลง 4.2%
ด้านสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในกรณีที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) และตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 19.70 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ระดับ 1,358.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Brexit และตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันนั้น ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยในรายงานเสถียรภาพทางการเงินเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ความเสี่ยงจาก Brexit เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว และสถานการณ์ด้านเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ ก็กำลังเผชิญภาวะท้าทาย
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.
สรุปดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก (5ก.ค.)
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,840.62 จุด ลดลง 108.75 จุด, -0.61%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,822.90 จุด ลดลง 39.67 จุด, -0.82%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,088.55 จุด ลดลง 14.40 จุด, -0.68%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,163.42 จุด ลดลง 71.44 จุด, -1.69%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,532.61 จุด ลดลง 176.48 จุด, -1.82%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,545.37 จุด เพิ่มขึ้น 23.11 จุด, +0.35%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,166.87 จุด ลดลง 111.89 จุด, -0.41%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,864.67 จุด ลดลง 5.89 จุด, -0.21%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,750.72 จุด ลดลง 308.48 จุด, -1.46%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,808.13 จุด ลดลง 38.41 จุด, -0.49%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,006.39 จุด เพิ่มขึ้น 17.79 จุด, +0.60%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,228.00 จุด ลดลง 53.80 จุด, -1.02%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,312.80 จุด ลดลง 52.40 จุด, -0.98%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,989.85 จุด ลดลง 5.45 จุด, -0.27%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,669.33 จุด ลดลง 106.47 จุด, -0.67%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,716.07 จุด ลดลง 44.51 จุด, -0.51%