นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ คนไทยคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคด้วยตนเอง เพราะเรายังหวาดระแวงกันขนาดหนัก ถึงขนาดนักการเมืองที่เสนอจะหารือกัน เพื่อหาทางออกให้ประเทศ เพราะตระหนักว่าปัญหาเกิดจากพวกตนเอง ก็ยังถูกมองด้วยความหวาดระแวง และแปรเจตนาไปในทางร้าย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มคุยกัน ถ้าเราหวาดระแวงและขาดเมตตาธรรมต่อกันแล้ว เราจะช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมืองกันได้อย่างไร เพราะปัญหามันมากเกินกว่าที่จะมีซุปเปอร์แมนคนใดคนหนึ่งแก้สำเร็จ และเรื่องปรองดองถ้าไม่เปิดอกคุยกันทุกฝ่าย และช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อหาทางออกเพื่อสร้างความไว้วางใจในหมู่คนไทย แล้วเราจะปรองดองสำเร็จได้อย่างไร
นายนพดล กล่าวอีกว่า จะออกกฎหมายปฏิรูปอีกกี่ฉบับ จะออกมาตรการทางเศรษฐกิจอีกกี่เรื่อง จะมีรัฐธรรมนูญดีเพียงใด แต่ถ้าคนไทยยังไม่ไว้วางใจกันและกัน หวาดระแวงในทุกสิ่งที่อีกฝ่ายนำเสนอ และไม่ถกเถียงกันอย่างลึกซึ้ง ปัญหาสำคัญของบ้านเมือง ขาดการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่ง และทำตัวเหมือนไก่ในเข่งที่จิกตีกันตลอดเวลา คงเป็นเรื่องยากที่เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่สังคมแห่งความรักความสามัคคี
นายนพดล กล่าวอีกว่า จะออกกฎหมายปฏิรูปอีกกี่ฉบับ จะออกมาตรการทางเศรษฐกิจอีกกี่เรื่อง จะมีรัฐธรรมนูญดีเพียงใด แต่ถ้าคนไทยยังไม่ไว้วางใจกันและกัน หวาดระแวงในทุกสิ่งที่อีกฝ่ายนำเสนอ และไม่ถกเถียงกันอย่างลึกซึ้ง ปัญหาสำคัญของบ้านเมือง ขาดการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายหนึ่ง และทำตัวเหมือนไก่ในเข่งที่จิกตีกันตลอดเวลา คงเป็นเรื่องยากที่เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่สังคมแห่งความรักความสามัคคี