สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษมีแนวโน้มที่จะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นแรงซื้อทองเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 10.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,298.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็น Brexit ยังคงเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงและหันเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยผลการสำรวจของ Ipsos MORI ระบุว่า จำนวนผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
ทั้งนี้ Ipsos MORI ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,257 คนทั่วอังกฤษในระหว่างวันที่ 11-14 มิ.ย. บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 51% ต้องการออกจาก EU ขณะที่ 49% ต้องการอยู่ใน EU
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากเฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมครั้งล่าสุด โดยระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 10.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,298.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อทองคำ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็น Brexit ยังคงเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงและหันเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยผลการสำรวจของ Ipsos MORI ระบุว่า จำนวนผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
ทั้งนี้ Ipsos MORI ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,257 คนทั่วอังกฤษในระหว่างวันที่ 11-14 มิ.ย. บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 51% ต้องการออกจาก EU ขณะที่ 49% ต้องการอยู่ใน EU
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากเฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐในการประชุมครั้งล่าสุด โดยระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.