นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลยูโร 2016 ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 1-6 มิถุนายน 2559 พบว่า บรรยากาศภาพรวมฟุตบอลยูโร 2016 น่าจะมีความคึกคักระดับหนึ่ง ประชาชนยังคงรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลในบ้าน แต่จะคึกคักโดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ และเมื่อเทียบฟุตบอลยูโร 2016 ควรเทียบกับฟุตบอลยูโร 2012 ไม่เทียบกับฟุตบอลยูโร 2014 ที่ผู้จะรับชมต้องติดตั้งอุปกรณ์เพื่อรับสัญญาณถ่ายทอด จึงทำให้ยอดใช้จ่ายไปอยูในอุปกรณ์ ซึ่งเป็นปีที่การใช้จ่ายผิดปกติ
สำหรับผลการเปรียบเทียบฟุตบอลยูโร 2016 กับฟุตบอลยูโร 2012 พบว่า วงเงินใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากวงเงิน 65,000 ล้านบาทในฟุตบอลยูโป 2012 เพิ่มเป็น 76,000 ล้านบาทในฟุตบอลยูโร 2016 ในภาพรวมแล้วแฟนบอลยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยจะรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลภายในบ้านเป็นส่วนใหญ่ ช่วงเวลา 20.00 – 02.00 น. แต่จะออกไปชมการถ่ายทอดฟุตบอลตามสถานที่ต่างๆ นอกบ้านในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์
ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีการใช้จ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 20,000 ล้านบาท และบวกด้วยเม็ดเงินจากการพนันฟุตบอลที่จะเติมเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอีก 30,000 ล้านบาท รวมเงินเข้าหมุนในระบบเศรษฐกิจสะพัดจริง 50,000 ล้านบาท และเงินในส่วนเจ้ามือพนันบอลนอกระบบเศรษฐกิจอีก 20,000 ล้านบาท โดยภาพรวมแล้วจะเห็นว่าประชาชนพร้อมจ่ายในช่วงเทศกาลฟุตบอลยูโร 2016 มากขึ้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยร้อยละ 0.2
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาวงเงินที่ประชาชนใช้ในการพนันฟุตบอล จะเห็นได้ว่าวงเงินเพิ่มจากเมื่อช่วง 10 ปีที่แล้ว โดยเพิ่มจาก 30,000 ล้านบาท มาเป็นระดับ 57,000 ล้านบาท เป็นการเล่นที่จริงจังมากขึ้น ภาวะดังกล่าวส่งผลให้ปัญหาหนี้นอกระบบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมา และทำให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น
สำหรับผลการเปรียบเทียบฟุตบอลยูโร 2016 กับฟุตบอลยูโร 2012 พบว่า วงเงินใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากวงเงิน 65,000 ล้านบาทในฟุตบอลยูโป 2012 เพิ่มเป็น 76,000 ล้านบาทในฟุตบอลยูโร 2016 ในภาพรวมแล้วแฟนบอลยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยจะรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลภายในบ้านเป็นส่วนใหญ่ ช่วงเวลา 20.00 – 02.00 น. แต่จะออกไปชมการถ่ายทอดฟุตบอลตามสถานที่ต่างๆ นอกบ้านในช่วงวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์
ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีการใช้จ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 20,000 ล้านบาท และบวกด้วยเม็ดเงินจากการพนันฟุตบอลที่จะเติมเข้ามาในระบบเศรษฐกิจอีก 30,000 ล้านบาท รวมเงินเข้าหมุนในระบบเศรษฐกิจสะพัดจริง 50,000 ล้านบาท และเงินในส่วนเจ้ามือพนันบอลนอกระบบเศรษฐกิจอีก 20,000 ล้านบาท โดยภาพรวมแล้วจะเห็นว่าประชาชนพร้อมจ่ายในช่วงเทศกาลฟุตบอลยูโร 2016 มากขึ้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยร้อยละ 0.2
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาวงเงินที่ประชาชนใช้ในการพนันฟุตบอล จะเห็นได้ว่าวงเงินเพิ่มจากเมื่อช่วง 10 ปีที่แล้ว โดยเพิ่มจาก 30,000 ล้านบาท มาเป็นระดับ 57,000 ล้านบาท เป็นการเล่นที่จริงจังมากขึ้น ภาวะดังกล่าวส่งผลให้ปัญหาหนี้นอกระบบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมา และทำให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น