นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ได้ประสาน 25 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ ตาก อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา น่าน และแพร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี บึงกาฬ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ช่วงวันที่ 7 – 10 มิถุนายน โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน และพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดให้ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก ตลอดจนตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง กรณีสถานการณ์รุนแรง ให้พิจารณาสั่งการอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวให้พร้อมรองรับผู้ประสบภัย และดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอย่างเต็มกำลัง
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง