นายอำนวย ทงก๊ก ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เปิดเผยถึงกรณีส่งนมโรงเรียนไปขายประเทศกัมพูชาว่า ยืนยันว่าได้ส่งขายจริง แต่นมดังกล่าวผลิตมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 58 ซึ่งในช่วงดังกล่าวทางอสค.มีการตัดสิทธิ์ ลดโควต้าของนมโรงเรียนของสหกรณ์วังน้ำเย็นลง 9 หมื่นกล่องต่อวัน โดยแจ้งว่าสหกรณ์วังน้ำเย็น ไม่มีนมดิบที่ใช้ในการผลิตเพียงพอ จึงลดโควต้าลงในช่วงสั้นๆ และต่อมามีการคืนโควต้ากลับมา 4 หมื่นกล่อง จึงทำให้นมที่ผลิตเตรียมส่งช่วงเปิดเทอมในเดือนถัดมามีปริมาณ เกินวันละ 4.9 หมื่นกล่องต่อวัน ซึ่งทุกอย่างมีการเตรียมผลิตช่วงปิดเทอมโดยซื้อนมดิบจากเกษตรกรมาผลิตอย่างเคร่ดครัด เมื่อได้เตรียมพร้อมผลิตไว้ในกรอบที่กำหนด ทำให้นมเกินกว่า 2 ล้านกล่องที่ทำเพิ่มมาและสหกรณ์ลงทุนเองทั้งหมด
ทั้งนี้ทางสหกรณ์ส่งขายตลาดประเทศกัมพูชาจำนวน 2 ล้านกล่องเพราะตามกฎหมายมีการระบุชัดเจนห้ามมีการจำหน่ายนมที่มีตรานมโรงเรียนในประเทศไทย ดังนั้นการส่งขายตลาดต่างประเทศจึงไม่เกี่ยวกัน ซึ่งการระบายไปต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ขณะนี้ยืนยันว่าไม่ได้นำนมโรงเรียนไปขายต่างประเทศอีก
นอกจากนี้ในวันพรุ่งนี้ (6มิ.ย.) ตนจะทำหนังสือชี้แจงมายังปลัดเกษตรฯหากจะตัดสิทธิ์ 5 % จริงโดยไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ตนพร้อมฟ้องร้องดำเนินคดีกับกระทรวงเกษตรฯ ทุกกรณีเนื่องจากทำให้กระทบภาพลักษณ์ทางธุรกิจสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นเสียหาย
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายอำนวย ทงก๊ก ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ยอมรับว่า ส่งขายนมโรงเรียนให้กับห้างของประเทศกัมพูชาจริงจำนวน 2 ล้านกล่อง โดยยืนยันว่าสามารถนำไปขายต่างประเทศเพราะห้ามขายในประเทศเท่านั้นว่า ได้สั่งให้นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซือ รองปลัดกระทรวงฯ ในฐานะอนุกรรมการมิลค์บอร์ดตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน ว่า เกิดเรื่องที่มีการส่งนมขายประเทศกัมพูชา เป็นมาอย่างไร ทำไมนมโรงเรียนต้องไปอยู่ในห้างกัมพูชาอย่างไร โดยตั้งอนุกรรมการพิจารณาความผิด รวบรบวมข้อมูลต่างๆ ข้อเท็จจริง นำเข้ามิลค์บอร์ด
"ตามหลักเกณฑ์ มีข้อห้ามไม่ให้นำตรานมโรงเรียนไปใช้นอกประเทศ ต้องพิจารณาเรื่องการลดสิทธิ์ร้อยละ 5% รวมทั้งพิจารณาโทษอื่นด้วย เพราะการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศมีการขออนุญาตหน่วยงานอื่นหรือไม่ ในเบื้องต้นที่ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นออกมายอมรับกับทางสื่อ แต่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจนด้วย"นายธีรภัทร กล่าว
เมื่อถามว่านายอำนวย ขู่ฟ้องกระทรวงเกษตรฯทุกกรณีหากตัดสิทธิร้อยละ 5 จริง นายธีรภัทร กล่าวว่า ในเงื่อนไขหลักนมโรงเรียน ไม่ควรออกไปต่างประเทศ แต่ถ้านมพาณิชย์ ทำได้โดยใช้ตราของผู้ประกอบการซึ่งเป็นสิทธิของเขาที่มีการซื้อขายกันตามปกติ เมื่อมาเกิดเรื่องการขายนมโรงเรียนให้กับกัมพูชาเป็นเรื่องที่ต้องดู มีกฎหมายควบคุม การส่งสินค้าต่างประเทศมีการขออนุญาตก่อนหรือไม่ เพราะ ถ้าอยู่ภายใต้แบนด์นมโรงเรียน การดำเนินการต่างๆ ต้องอยู่ภายใต้มิลค์บอร์ดเท่านั้น ซึ่งรายใดมีการฝ่าฝืน ต้องตัดสิทธิ์ 5% ก่อน และมาดูว่าการฝ่าฝืนแรงแค่ไหนเกิดความเสียหายแค่ไหนด้วย คณะกรรมการมาดูพิจารณาบทลงโทษ ที่ผ่านเราไม่เคยมีการพิจารณาลงโทษ ตัดสิทธิยกเลิกหรือเอาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามา จึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทั้งนี้ทางสหกรณ์ส่งขายตลาดประเทศกัมพูชาจำนวน 2 ล้านกล่องเพราะตามกฎหมายมีการระบุชัดเจนห้ามมีการจำหน่ายนมที่มีตรานมโรงเรียนในประเทศไทย ดังนั้นการส่งขายตลาดต่างประเทศจึงไม่เกี่ยวกัน ซึ่งการระบายไปต่างประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ขณะนี้ยืนยันว่าไม่ได้นำนมโรงเรียนไปขายต่างประเทศอีก
นอกจากนี้ในวันพรุ่งนี้ (6มิ.ย.) ตนจะทำหนังสือชี้แจงมายังปลัดเกษตรฯหากจะตัดสิทธิ์ 5 % จริงโดยไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ตนพร้อมฟ้องร้องดำเนินคดีกับกระทรวงเกษตรฯ ทุกกรณีเนื่องจากทำให้กระทบภาพลักษณ์ทางธุรกิจสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นเสียหาย
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายอำนวย ทงก๊ก ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ยอมรับว่า ส่งขายนมโรงเรียนให้กับห้างของประเทศกัมพูชาจริงจำนวน 2 ล้านกล่อง โดยยืนยันว่าสามารถนำไปขายต่างประเทศเพราะห้ามขายในประเทศเท่านั้นว่า ได้สั่งให้นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซือ รองปลัดกระทรวงฯ ในฐานะอนุกรรมการมิลค์บอร์ดตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน ว่า เกิดเรื่องที่มีการส่งนมขายประเทศกัมพูชา เป็นมาอย่างไร ทำไมนมโรงเรียนต้องไปอยู่ในห้างกัมพูชาอย่างไร โดยตั้งอนุกรรมการพิจารณาความผิด รวบรบวมข้อมูลต่างๆ ข้อเท็จจริง นำเข้ามิลค์บอร์ด
"ตามหลักเกณฑ์ มีข้อห้ามไม่ให้นำตรานมโรงเรียนไปใช้นอกประเทศ ต้องพิจารณาเรื่องการลดสิทธิ์ร้อยละ 5% รวมทั้งพิจารณาโทษอื่นด้วย เพราะการส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศมีการขออนุญาตหน่วยงานอื่นหรือไม่ ในเบื้องต้นที่ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นออกมายอมรับกับทางสื่อ แต่ต้องสอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจนด้วย"นายธีรภัทร กล่าว
เมื่อถามว่านายอำนวย ขู่ฟ้องกระทรวงเกษตรฯทุกกรณีหากตัดสิทธิร้อยละ 5 จริง นายธีรภัทร กล่าวว่า ในเงื่อนไขหลักนมโรงเรียน ไม่ควรออกไปต่างประเทศ แต่ถ้านมพาณิชย์ ทำได้โดยใช้ตราของผู้ประกอบการซึ่งเป็นสิทธิของเขาที่มีการซื้อขายกันตามปกติ เมื่อมาเกิดเรื่องการขายนมโรงเรียนให้กับกัมพูชาเป็นเรื่องที่ต้องดู มีกฎหมายควบคุม การส่งสินค้าต่างประเทศมีการขออนุญาตก่อนหรือไม่ เพราะ ถ้าอยู่ภายใต้แบนด์นมโรงเรียน การดำเนินการต่างๆ ต้องอยู่ภายใต้มิลค์บอร์ดเท่านั้น ซึ่งรายใดมีการฝ่าฝืน ต้องตัดสิทธิ์ 5% ก่อน และมาดูว่าการฝ่าฝืนแรงแค่ไหนเกิดความเสียหายแค่ไหนด้วย คณะกรรมการมาดูพิจารณาบทลงโทษ ที่ผ่านเราไม่เคยมีการพิจารณาลงโทษ ตัดสิทธิยกเลิกหรือเอาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามา จึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น