นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในโอกาสครบ 2 ปี การรัฐประหาร ตนเห็นว่ารัฐบาลน่าจะบอกประชาชนว่าทำอะไรไปบ้างที่เป็นผลงานที่ชัดเจน มากกว่าจะเอาเวลาไปโทษนักการเมือง หรือรัฐบาลเก่า เพราะเป็นการย้อนเวลาหาอดีตและที่มีคนบางกลุ่มกล่าวหาว่ารัฐบาลเก่าพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมและมีม็อบปิดถนนและสถานที่ราชการ จึงเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลว ดังนั้น จึงมีการเข้าควบคุมอำนาจ ตนเคารพในชุดความคิดนี้แต่ตนและคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อในชุดความคิดที่ว่า ในขณะนั้นมีกลไกของการได้รัฐบาลใหม่ตามรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ถ้ามีข้อหาว่านักการเมืองคนใดทำผิดก็มีกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม เราต้องรักษาระบบ รัฐบาลที่ล้มเหลวไม่รุนแรงเท่ากับระบบที่ล้มเหลว ดังนั้นการพยายามสร้างความชอบธรรมให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจะมีคนบางส่วนที่พร้อมจะเห็นด้วย แต่ก็จะมีคนจำนวนไม่น้อยเห็นต่าง นี่คือสัจธรรมที่เราต้องยอมรับและเคารพ
ส่วนการแถลงผลงานนั้น ควรแถลงที่เนื้องานให้ชัดเจนแล้วประชาชนจะตัดสินเองว่าเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องพาดพิงรัฐบาลเก่า เพราะทุกรัฐบาลไม่ว่าจะมาโดยวิธีใด มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เพียงแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถ้าประชาชนไม่ชอบจะไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาล ดังนั้น เห็นว่าการลดความขัดแย้งและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปรองดอง หรืออยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข คือพูดความจริงในสิ่งที่ตนทำ งดเว้นวาทกรรมสร้างความแตกแยกจะเป็นการดีที่สุด
ส่วนการแถลงผลงานนั้น ควรแถลงที่เนื้องานให้ชัดเจนแล้วประชาชนจะตัดสินเองว่าเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องพาดพิงรัฐบาลเก่า เพราะทุกรัฐบาลไม่ว่าจะมาโดยวิธีใด มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เพียงแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถ้าประชาชนไม่ชอบจะไม่มีโอกาสเป็นรัฐบาล ดังนั้น เห็นว่าการลดความขัดแย้งและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปรองดอง หรืออยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข คือพูดความจริงในสิ่งที่ตนทำ งดเว้นวาทกรรมสร้างความแตกแยกจะเป็นการดีที่สุด