นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2559 และประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2559-2560 ว่า จากการติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ วันแรงงาน และใกล้เปิดเทอมพบว่า ขณะนี้การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยยังไม่โดดเด่น และได้รับผลกระทบจากปัจจัยการชะลอตัวลงของการส่งออกตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและปัญหาภัยแล้ง ทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 1 ขยายตัวร้อยละ 2.8 ขณะที่ทั้งปีประมาณการว่าจะขยายตัวร้อยละ 3
ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยการส่งออกที่ชะลอตัวรุนแรง ทำให้สูญเสียรายได้จากการส่งออก รวมกับรายได้ภาคการเกษตรชะลอตัวลงจากปัญหาภัยแล้ง รวมทั้ง 2 ปัจจัยประมาณ 500,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าโครงการบ้านประชารัฐ ช็อปช่วยชาติ อสังหาริมทรัพย์ ได้เพิ่มเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจประมาณ 400,000 ล้านบาท เมื่อหักลบแล้วทำให้มีเม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจเพียง 100,000 ล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจปรับตัวชะลอตัวลงที่ร้อยละ 0.5 จึงปรับประมาณการตามทิศทางตัวเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หอการค้าไทยเห็นสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีหลายปัจจัย ไม่ว่ายอดขายปูนซีเมนต์ที่กลับมาเป็นบวก ยอดขายรถปิคอัพที่กลับมาเป็นบวก อัตราเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวกในรอบ 16 เดือน และการส่งออกเดือนมีนาคมฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงปัจจัยราคายางพาราในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งประเมินว่าปลายปี 2559 ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ช่วยให้ราคายางพารามาอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว และหากรัฐผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง สร้างความชัดเจนโครงการต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2559
นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 เศรษฐกิจโลก และการส่งออกปรับตัวดีขึ้น น่าจะทำให้เศรษฐกิจปี 2560 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.4
ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีปัจจัยการส่งออกที่ชะลอตัวรุนแรง ทำให้สูญเสียรายได้จากการส่งออก รวมกับรายได้ภาคการเกษตรชะลอตัวลงจากปัญหาภัยแล้ง รวมทั้ง 2 ปัจจัยประมาณ 500,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าโครงการบ้านประชารัฐ ช็อปช่วยชาติ อสังหาริมทรัพย์ ได้เพิ่มเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจประมาณ 400,000 ล้านบาท เมื่อหักลบแล้วทำให้มีเม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจเพียง 100,000 ล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจปรับตัวชะลอตัวลงที่ร้อยละ 0.5 จึงปรับประมาณการตามทิศทางตัวเลขดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หอการค้าไทยเห็นสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีหลายปัจจัย ไม่ว่ายอดขายปูนซีเมนต์ที่กลับมาเป็นบวก ยอดขายรถปิคอัพที่กลับมาเป็นบวก อัตราเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวกในรอบ 16 เดือน และการส่งออกเดือนมีนาคมฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงปัจจัยราคายางพาราในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งประเมินว่าปลายปี 2559 ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ช่วยให้ราคายางพารามาอยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว และหากรัฐผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง สร้างความชัดเจนโครงการต่างๆ ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2559
นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 เศรษฐกิจโลก และการส่งออกปรับตัวดีขึ้น น่าจะทำให้เศรษฐกิจปี 2560 ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.4