หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีคำสั่งให้บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค หรือ AWN ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เอไอเอส ให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ MNP เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2559 และ วันที่ 8 มี.ค. 2559 นั้น
โดยให้บริษัทโอนย้ายเลขหมายของผู้ใช้บริการไปยังบริษัท เรียลมูฟ และบริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหม่ โดยด่วนภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ปรากฎว่า บริษัท ยังคงเพิกเฉย พร้อมอุทธรณ์ต่อ กทค. และแจ้งข้อมูลว่าจำนวนเลขหมายที่ยังไม่มีการยืนยันความเป็นเจ้าของเลขหมาย และความประสงค์ที่จะโอนย้ายที่เป็นปัญหา ณ วันที่ 29 มี.ค. 2559 จำนวน 169,894 เลขหมาย
แต่หลังจากพิจารณาคำอุทธรณ์ยังคงยืนคำสั่งสำนักงาน กสทช. ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2559 มียอดคำขอกว่า 3 แสนเลขหมาย ซึ่งต่อมาบริษัทยอมรับในหนังสือลงวันที่ 22 เม.ย.2559 ว่ามียอดคำขอที่ยังไม่ดำเนินการโอนย้ายกว่า 3 แสนเลขหมาย ทั้งนี้หากบริษัทดำเนินการให้แล้วเสร็จก็สามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาจงใจกระทำฝ่าฝืน
ดังนั้นนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. จึงได้ทำหนังสือเตือนให้บริษัทระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน โดยบริษัทต้องโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการรายใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากบริษัทยังไม่ดำเนินการ เลขาธิการ กสทช. จะใช้อำนาจตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พุทธศักราช 2544 มีคำสั่งกำหนดให้บริษัทชำระค่าปรับทางปกครองในอัตรา วันละ 2,530,016 บาท (สองล้านห้าแสน สามหมื่นสิบหกบาท)
นอกจากนี้หากกสทช.ตรวจพบว่า ขนาดหรือความร้ายแรงของปัญหาการโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการมีปริมาณเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของบริษัท หรือเกิดการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อเนื่อง เลขาธิการ กสทช. จะพิจารณากำหนดค่าปรับทางปกครองเพิ่มขึ้น
โดยให้บริษัทโอนย้ายเลขหมายของผู้ใช้บริการไปยังบริษัท เรียลมูฟ และบริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหม่ โดยด่วนภายใน 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ปรากฎว่า บริษัท ยังคงเพิกเฉย พร้อมอุทธรณ์ต่อ กทค. และแจ้งข้อมูลว่าจำนวนเลขหมายที่ยังไม่มีการยืนยันความเป็นเจ้าของเลขหมาย และความประสงค์ที่จะโอนย้ายที่เป็นปัญหา ณ วันที่ 29 มี.ค. 2559 จำนวน 169,894 เลขหมาย
แต่หลังจากพิจารณาคำอุทธรณ์ยังคงยืนคำสั่งสำนักงาน กสทช. ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2559 มียอดคำขอกว่า 3 แสนเลขหมาย ซึ่งต่อมาบริษัทยอมรับในหนังสือลงวันที่ 22 เม.ย.2559 ว่ามียอดคำขอที่ยังไม่ดำเนินการโอนย้ายกว่า 3 แสนเลขหมาย ทั้งนี้หากบริษัทดำเนินการให้แล้วเสร็จก็สามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาจงใจกระทำฝ่าฝืน
ดังนั้นนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. จึงได้ทำหนังสือเตือนให้บริษัทระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน โดยบริษัทต้องโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการรายใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากบริษัทยังไม่ดำเนินการ เลขาธิการ กสทช. จะใช้อำนาจตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พุทธศักราช 2544 มีคำสั่งกำหนดให้บริษัทชำระค่าปรับทางปกครองในอัตรา วันละ 2,530,016 บาท (สองล้านห้าแสน สามหมื่นสิบหกบาท)
นอกจากนี้หากกสทช.ตรวจพบว่า ขนาดหรือความร้ายแรงของปัญหาการโอนย้ายเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการมีปริมาณเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของบริษัท หรือเกิดการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อเนื่อง เลขาธิการ กสทช. จะพิจารณากำหนดค่าปรับทางปกครองเพิ่มขึ้น