นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาค 2 ลำปาง เปิดเผยว่า มีปลาขึ้นมาลอยเหนือแม่น้ำ และบางส่วนลอยมาเกยตื้นตายริมแม่น้ำวังเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณระหว่างสะพานพัฒนาภาคเหนือ ไปจนถึงสะพานแขวน หรือสะพานออเรนทร์ ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองลำปางห่างจากห้าแยกหอนาฬิกาประมาณ 500 เมตรเท่านั้น น้ำค่อนข้างแห้ง สามารถเดินลงไปให้อยู่ในระดับหัวเข่า แต่ก็ยังมีบางจุดที่ลึกอยู่บ้าง ซึ่งปลามีปริมาณมากนับพันตัว มีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาหมอ ปลานัย ปลาตะเพียน เป็นต้น ลำตัวขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือ คาดว่าชาวบ้านจะนำไปปรุงอาหารรับประทานและนำไปขายบางส่วน
นอกจากนั้น บริเวณฝายน้ำล้นแม่น้ำวัง บ้านฟ่อน หมู่ 2 ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 7 กิโลเมตร ปลาในแม่น้ำวังได้เกิดลอยหัวขึ้นเช่นกัน ชาวบ้านในพื้นที่ที่อยู่สองฝากฝั่งแม่น้ำวัง และใกล้เคียง ต่างนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการจับปลา ซึ่งมีทั้งปลาเกล็ดและปลาหนัง บางคนที่มีเรือก็พายเรือและหว่านแห เพื่อจับปลาได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยในจุดนี้ยังมีปลาขนาดใหญ่น้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร เนื่องจากระดับน้ำยังลึกอยู่ หลังจากที่จับมาได้แล้ว ก็มีชาวบ้านบางคนมาซื้อในที่เกิดเหตุทันที ในกิโลกรัมละ 80บาท เพราะเป็นปลาขนาดใหญ่ และบางคนต่างนำไปวางขายตามท้องตลาด สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านไม่ต่ำกว่าคนละ 500-1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อม ภาค 2 กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่เก็บปลาไป ควรหลีกเลี่ยงการนำไปรับประทาน เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีอันตรายหรือไม่ ถึงแม้จะยืนยันได้ว่าแม่น้ำวังในบริเวณดังกล่าวไม่พบโลหะหนักหรือสารพิษ แต่กลุ่มเชื้อโรคต่างๆ ยังไม่น่าไว้วางใจ หากพบว่าปลายังหายใจอยู่สามารถที่จะนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้แต่ต้องปรุงสุกก่อน หากพบว่าปลาตายแล้วไม่ควรเก็บ และที่สำคัญไม่ควรนำไปปรุงอาหารทานเอง ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
นอกจากนั้น บริเวณฝายน้ำล้นแม่น้ำวัง บ้านฟ่อน หมู่ 2 ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 7 กิโลเมตร ปลาในแม่น้ำวังได้เกิดลอยหัวขึ้นเช่นกัน ชาวบ้านในพื้นที่ที่อยู่สองฝากฝั่งแม่น้ำวัง และใกล้เคียง ต่างนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการจับปลา ซึ่งมีทั้งปลาเกล็ดและปลาหนัง บางคนที่มีเรือก็พายเรือและหว่านแห เพื่อจับปลาได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยในจุดนี้ยังมีปลาขนาดใหญ่น้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่า 1 กิโลเมตร เนื่องจากระดับน้ำยังลึกอยู่ หลังจากที่จับมาได้แล้ว ก็มีชาวบ้านบางคนมาซื้อในที่เกิดเหตุทันที ในกิโลกรัมละ 80บาท เพราะเป็นปลาขนาดใหญ่ และบางคนต่างนำไปวางขายตามท้องตลาด สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านไม่ต่ำกว่าคนละ 500-1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสิ่งแวดล้อม ภาค 2 กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่เก็บปลาไป ควรหลีกเลี่ยงการนำไปรับประทาน เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีอันตรายหรือไม่ ถึงแม้จะยืนยันได้ว่าแม่น้ำวังในบริเวณดังกล่าวไม่พบโลหะหนักหรือสารพิษ แต่กลุ่มเชื้อโรคต่างๆ ยังไม่น่าไว้วางใจ หากพบว่าปลายังหายใจอยู่สามารถที่จะนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้แต่ต้องปรุงสุกก่อน หากพบว่าปลาตายแล้วไม่ควรเก็บ และที่สำคัญไม่ควรนำไปปรุงอาหารทานเอง ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
