รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ศาลแพ่ง ศาลนัดไต่สวนคดีหลวงปู่พุทธะอิสระเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล คดีหมายเลขดำ พ.1547/2559 ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พระราชวิจิตรปฏิภาณ หรือเจ้าคุณพิพิธ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม เป็นจำเลยเรื่องละเมิดด้วยการกล่าวหาให้สัมภาษณ์สื่อด้วยข้อความอันทำให้ประชาชนรู้สึกดูหมิ่นหลวงปู่พระพุทธะอิสระ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา420 เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
จากกรณีที่เจ้าคุณพิพิธ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงโจทก์รวมหลายครั้ง ตั้งแต่เดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 โดยมีเจตนาทำให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์ใส่ความ สมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ทำให้ประชาชนดูถูก ดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์และจำเลยยังกล่าวถ้อยคำเปรียบเทียบว่า “ข้างล่างเป็นคน ข้างบนเป็นพระ” โดยจงใจให้ประชาชนเข้าใจว่าคือโจทก์ จากการเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้มีการนำไปเผยแพร่กันทางสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก ยูทิวบ์ และวิพากษ์วิจารณ์จนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยวันนี้ศาลแพ่งไต่สวนพยานหลักฐานโจทก์แล้วมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นพระภิกษุไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียม ศาลพิจารณาเหตุผลอันสมควรในการฟ้องร้องของโจทย์ในส่วนของค่าเสียหายแล้ว อนุญาตให้โจทก์ยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วนโดยให้เสียค่าธรรมเนียมศาล 40,000 บาท ให้วางเงินภายในวันที่ 20 เม.ย.2559 จึงจะพิจารณาคำสั่งต่อไป
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของเจ้าคุณพิพิธที่ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสำนักข่าวสปริงนิวส์ เห็นว่าเจ้าคุณพิพิธยังไม่ยอมรับว่าได้พูดทำนองหมิ่นประมาท แต่ยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและเอกสารต่างๆ ชัดเจน ซึ่งถ้าหากเจ้าคุณพิพิธยอมรับและสำนึกผิดก็พร้อมจะถอนฟ้อง เพราะมีเจตนาเพียงต้องการจะสั่งสอนให้เจ้าคุณพิพิธ รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง และให้พูดบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใส่ร้ายผู้อื่นเท่านั้น จึงฟ้องแพ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากประสงค์จะดำเนินคดีถึงที่สุดก็คงจะฟ้องอาญาไปแล้ว
พระพุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มออกมาขับไล่ต่อต้านตนเองนั้น อยากตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ขับไล่ท้วงติง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่เกี่ยวข้องกับคดีความหลายคดี รวมถึงผู้ที่ครอบครองรถเบนซ์หรูจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำ พ.1547/2559 โดยนัดพร้อมเพื่อชี้สองสถาน ในวันที่ 30 พ.ค. 2559 เวลา 13.30 น.
จากกรณีที่เจ้าคุณพิพิธ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงโจทก์รวมหลายครั้ง ตั้งแต่เดือนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 โดยมีเจตนาทำให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์ใส่ความ สมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ทำให้ประชาชนดูถูก ดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์และจำเลยยังกล่าวถ้อยคำเปรียบเทียบว่า “ข้างล่างเป็นคน ข้างบนเป็นพระ” โดยจงใจให้ประชาชนเข้าใจว่าคือโจทก์ จากการเปรียบเทียบดังกล่าวทำให้มีการนำไปเผยแพร่กันทางสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก ยูทิวบ์ และวิพากษ์วิจารณ์จนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดยวันนี้ศาลแพ่งไต่สวนพยานหลักฐานโจทก์แล้วมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นพระภิกษุไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียม ศาลพิจารณาเหตุผลอันสมควรในการฟ้องร้องของโจทย์ในส่วนของค่าเสียหายแล้ว อนุญาตให้โจทก์ยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วนโดยให้เสียค่าธรรมเนียมศาล 40,000 บาท ให้วางเงินภายในวันที่ 20 เม.ย.2559 จึงจะพิจารณาคำสั่งต่อไป
พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ฟังคำสัมภาษณ์ของเจ้าคุณพิพิธที่ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสำนักข่าวสปริงนิวส์ เห็นว่าเจ้าคุณพิพิธยังไม่ยอมรับว่าได้พูดทำนองหมิ่นประมาท แต่ยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและเอกสารต่างๆ ชัดเจน ซึ่งถ้าหากเจ้าคุณพิพิธยอมรับและสำนึกผิดก็พร้อมจะถอนฟ้อง เพราะมีเจตนาเพียงต้องการจะสั่งสอนให้เจ้าคุณพิพิธ รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง และให้พูดบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใส่ร้ายผู้อื่นเท่านั้น จึงฟ้องแพ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งหากประสงค์จะดำเนินคดีถึงที่สุดก็คงจะฟ้องอาญาไปแล้ว
พระพุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มออกมาขับไล่ต่อต้านตนเองนั้น อยากตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ขับไล่ท้วงติง พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่เกี่ยวข้องกับคดีความหลายคดี รวมถึงผู้ที่ครอบครองรถเบนซ์หรูจดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำ พ.1547/2559 โดยนัดพร้อมเพื่อชี้สองสถาน ในวันที่ 30 พ.ค. 2559 เวลา 13.30 น.