หน่วยงานเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยส่วนราชการ และภาคเอกชนเดินเครื่องสูบน้ำ ทั้ง 6 แห่ง พร้อมกันเพื่อสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาเติมบึงสีไฟบริเวณจุดที่เป็นสถานที่สำคัญของบึงสีไฟ ได้แก่ ศาลาเก้าเหลี่ยม ศาลาทรงไทย และหาดทรายเทียม ซึ่งมีการสร้างคันดินกั้นพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ โดยการเดินเครื่องสูบน้ำทั้ง 6 แห่ง พร้อมกันโดยมีเป้าหมายจะสูบน้ำจำนวน 160,000 คิว เพื่อเติมบึงสีไฟ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในบึงสีไฟอยู่ที่ 1 เมตรเศษ เป็นการฟื้นระบบนิเวศน์ภายในบึงสีไฟให้สมกับเป็นบึงน้ำอีกครั้งโดยเป้าหมายจะมีน้ำก่อนเทศกาลสงกรานต์นี้
สำหรับปฏิบัติการกู้ชีพบึงสีไฟมีการดำเนินการ 2 วิธีควบคู่กัน วิธีการแรกคือการสูบน้ำเติมบึงสีไฟ โดยมีการเจาะบ่อบาดาล เพื่อสูบน้ำพื้นที่ซึ่งเป็นจุดสำคัญของบึงสีไฟเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ซึ่งมีการกั้นแนวเขตโดยใช้รถแบ็กโฮขุดคันดินสูง 1.50 เมตรระยะทาง 400 เมตร เป็นแนวกั้น และกำจัดวัชพืชด้วยเครื่องจัดเพื่อป้องกันการเน่าเสียของน้ำ วิธีที่ 2 ที่มีการขอสนับสนุนน้ำจากสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เพื่อ ระบายน้ำจำนวน 8.6 ล้านลูกบาศก์เมตร เข้าสู่พื้นที่จังหวัดพิจิตรเข้าสู่แหล่งน้ำสำคัญ3แห่ง ได้แก่ แม่น้ำพิจิตรเก่า คลองข้าวตอก และบึงสีไฟ ซึ่งขณะนี้น้ำเริ่มระบายเข้าแหล่งน้ำทั้ง 3 แห่งแล้ว ซึ่งคาดว่าบึงสีไฟจะกลับมามีน้ำอีกครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้
สำหรับปฏิบัติการกู้ชีพบึงสีไฟมีการดำเนินการ 2 วิธีควบคู่กัน วิธีการแรกคือการสูบน้ำเติมบึงสีไฟ โดยมีการเจาะบ่อบาดาล เพื่อสูบน้ำพื้นที่ซึ่งเป็นจุดสำคัญของบึงสีไฟเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ซึ่งมีการกั้นแนวเขตโดยใช้รถแบ็กโฮขุดคันดินสูง 1.50 เมตรระยะทาง 400 เมตร เป็นแนวกั้น และกำจัดวัชพืชด้วยเครื่องจัดเพื่อป้องกันการเน่าเสียของน้ำ วิธีที่ 2 ที่มีการขอสนับสนุนน้ำจากสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เพื่อ ระบายน้ำจำนวน 8.6 ล้านลูกบาศก์เมตร เข้าสู่พื้นที่จังหวัดพิจิตรเข้าสู่แหล่งน้ำสำคัญ3แห่ง ได้แก่ แม่น้ำพิจิตรเก่า คลองข้าวตอก และบึงสีไฟ ซึ่งขณะนี้น้ำเริ่มระบายเข้าแหล่งน้ำทั้ง 3 แห่งแล้ว ซึ่งคาดว่าบึงสีไฟจะกลับมามีน้ำอีกครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้