พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงาน การบริโภค และการลงทุนในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยนั้น สำหรับผลการดำเนินโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) จำนวน 7,255 ตำบล มีโครงการที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณ 121,238 โครงการ เป็นเงิน 35,755 ล้านบาท มียอดเบิกจ่ายงบประมาณและก่อหนี้ผูกพันรวมทั้งสิ้น 34,453 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 98 ในจำนวนนี้มียอดที่มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 20,223 ล้านบาท ในส่วนที่เหลือประมาณร้อยละ 3 เป็นโครงการที่ขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติ และเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ
ทั้งนี้ ครม.ได้มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการใน 2 กรณีคือ 1.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่าย เฉพาะโครงการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันจนถึงขั้นจองเงินในระบบภายในวันที่ 31 มีนาคม เป็นดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จตามสัญญา คาดว่าจะไม่เกินเดือนมิถุนายน และ 2.โครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล เฉพาะโครงการที่จะต้องขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในส่วนที่กำหนดให้ดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายนนี้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด อำเภอ ภาคเอกชน และที่สำคัญ คือ ภาคประชาชนภายใต้การทำงานในรูปแบบ ประชารัฐ ส่งผลต่อการกระตุ้น เศรษฐกิจในระดับฐานรากกว่าแสนโครงการ ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินสาธารณะ การจ้างงานสร้างอาชีพการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงแหล่งน้ำ ทำให้นำไปสู่การกระจายเม็ดเงินจำนวนกว่า 3.9 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ครม.ได้มีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการใน 2 กรณีคือ 1.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่าย เฉพาะโครงการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันจนถึงขั้นจองเงินในระบบภายในวันที่ 31 มีนาคม เป็นดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จตามสัญญา คาดว่าจะไม่เกินเดือนมิถุนายน และ 2.โครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล เฉพาะโครงการที่จะต้องขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในส่วนที่กำหนดให้ดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายนนี้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด อำเภอ ภาคเอกชน และที่สำคัญ คือ ภาคประชาชนภายใต้การทำงานในรูปแบบ ประชารัฐ ส่งผลต่อการกระตุ้น เศรษฐกิจในระดับฐานรากกว่าแสนโครงการ ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินสาธารณะ การจ้างงานสร้างอาชีพการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงแหล่งน้ำ ทำให้นำไปสู่การกระจายเม็ดเงินจำนวนกว่า 3.9 หมื่นล้านบาท