เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 มี.ค. น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง หรือ ทนายมิ้นท์ พร้อมทีมทนายความเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.กิตติภพ ขำขาว รอง สว.สส.สน.ตลิ่งชัน เพื่อขอกำลังเข้าไปตรวจสอบ บ้านเลขที่ 9/7 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. หลัง น.ส.กชพร เชิดชูศรีทรัพย์ อายุ 40 ปี ลูกความซึ่งอาศัยในบ้านดังกล่าวและกำลังมีปัญหาฟ้องร้องแย่งบุตรกับสามี เกิดหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้
จากการเดินทางไปตรวจสอบที่หมู่บ้านดังกล่าวพบว่าเป็นหมู่บ้านหรูมี รปภ.รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาตลอด 24 ชั่วโมง หากผู้ใดจะเข้าไปในตัวหมู่บ้านต้องได้รับอนุญาต และต้องเดินทางผ่านประตูรั้วกั้นถึง 2 ชั้น จากการประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนฝ่ายนิติบุคคลจะแจ้งให้ทราบว่า ไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่และทีมทนายความเข้าไปภายในอาณาบริเวณของหมู่บ้านได้ เนื่องจากไม่มีหมายค้น เบื้องต้นทั้งหมดจึงต้องเดินทางกลับ
สำหรับกรณีนี้เนื่องจาก น.ส.กชพร อาชีพแม่บ้าน ได้เข้ามาปรึกษากับทนายความเนื่องจากมีปากเสียงกับ สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ทำให้ สามี พาตัวลูกชาย อายุ 1 ปี 11 เดือน หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา และไม่สามารถติดต่อ ได้ตั้งแต่วันนั้น กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. ทีมทนายความจึงพา น.ส.กชพร เข้าพบตำรวจฝ่ายสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน
น.ส.พวงทิพย์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องลงบันทึกประจำวันแล้ว ร.ต.ท.ประจักษ์ สิริโสม รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน เจ้าของคดีได้นัดหมายให้ น.ส.กชพร เดินทางเข้าพบเพื่ออีกครั้งเพื่อให้ปากคำในช่วงบ่ายวันนี้ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อ น.ส.กชพร ได้ ทีมทนายจึงมีการโทรศัพท์หา น.ส.กชพร หลายครั้งแต่ไม่รับสาย มีการตัดสายทิ้ง และโทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไป ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกความ จึงพากันเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับตำรวจ เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบในบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายรักษาความปลอดภัย รอจนถึงยามวิกาลจนต้องตัดสินใจเดินทางกลับ
ด้าน ร.ต.อ.กิตติภพ กล่าวว่า เมื่อทางตำรวจได้รับการร้องขอให้ร่วมเดินทางมาตรวจสอบที่บ้านเป้าหมาย ทางผู้บังคับบัญชาก็สั่งการให้ตนนำกำลังมา แต่เมื่อฝ่ายนิติบุคคลไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากไม่มีหมายค้น ก็ต้องรับฟัง และตนก็แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว หลังจากนี้จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ญาติของ น.ส.กชพร ที่สามารถติดต่อกันได้ให้รีบบอก น.ส.กชพร เดินทางมาพบตำรวจ เนื่องจากหลายฝ่ายกำลังเป็นห่วง
จากการเดินทางไปตรวจสอบที่หมู่บ้านดังกล่าวพบว่าเป็นหมู่บ้านหรูมี รปภ.รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาตลอด 24 ชั่วโมง หากผู้ใดจะเข้าไปในตัวหมู่บ้านต้องได้รับอนุญาต และต้องเดินทางผ่านประตูรั้วกั้นถึง 2 ชั้น จากการประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนฝ่ายนิติบุคคลจะแจ้งให้ทราบว่า ไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่และทีมทนายความเข้าไปภายในอาณาบริเวณของหมู่บ้านได้ เนื่องจากไม่มีหมายค้น เบื้องต้นทั้งหมดจึงต้องเดินทางกลับ
สำหรับกรณีนี้เนื่องจาก น.ส.กชพร อาชีพแม่บ้าน ได้เข้ามาปรึกษากับทนายความเนื่องจากมีปากเสียงกับ สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ทำให้ สามี พาตัวลูกชาย อายุ 1 ปี 11 เดือน หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา และไม่สามารถติดต่อ ได้ตั้งแต่วันนั้น กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. ทีมทนายความจึงพา น.ส.กชพร เข้าพบตำรวจฝ่ายสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เพื่อลงบันทึกประจำวัน
น.ส.พวงทิพย์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องลงบันทึกประจำวันแล้ว ร.ต.ท.ประจักษ์ สิริโสม รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน เจ้าของคดีได้นัดหมายให้ น.ส.กชพร เดินทางเข้าพบเพื่ออีกครั้งเพื่อให้ปากคำในช่วงบ่ายวันนี้ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อ น.ส.กชพร ได้ ทีมทนายจึงมีการโทรศัพท์หา น.ส.กชพร หลายครั้งแต่ไม่รับสาย มีการตัดสายทิ้ง และโทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไป ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกความ จึงพากันเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับตำรวจ เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบในบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายรักษาความปลอดภัย รอจนถึงยามวิกาลจนต้องตัดสินใจเดินทางกลับ
ด้าน ร.ต.อ.กิตติภพ กล่าวว่า เมื่อทางตำรวจได้รับการร้องขอให้ร่วมเดินทางมาตรวจสอบที่บ้านเป้าหมาย ทางผู้บังคับบัญชาก็สั่งการให้ตนนำกำลังมา แต่เมื่อฝ่ายนิติบุคคลไม่อนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ได้เนื่องจากไม่มีหมายค้น ก็ต้องรับฟัง และตนก็แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว หลังจากนี้จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ญาติของ น.ส.กชพร ที่สามารถติดต่อกันได้ให้รีบบอก น.ส.กชพร เดินทางมาพบตำรวจ เนื่องจากหลายฝ่ายกำลังเป็นห่วง