พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3)กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (บช.ภ.3)ได้รับรายชื่อนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)แล้วมีประมาณ 30 นาย มีบางรายเสียชีวิตแล้ว บางรายย้ายไปที่อื่น ตรวจสอบล่าสุดมีรายชื่อในแบล็กลิสต์ 17 นาย อยู่ในระดับชั้นประทวนถึงสัญญาบัตร พบฐานความผิดส่วนใหญ่เป็นเรื่องยาเสพติด การพนัน และเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งขณะได้ย้ายนายตำรวจจำนวนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค(ศปก.ภ.) เป็นเวลา 30 วันและตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากพบความผิดจะดำเนินทั้งวินัย และอาญาเด็ดขาด ส่วนมาตรการป้องกันข้าราชการตำรวจไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับมาเฟียผู้มีอิิทธิพล หากตรวจพบต้องย้ายออกนอกพื้นที่ไปอยู่ตามฝ่าย ตามภาคต่างๆก่อนหรือทำหน้าที่ธุรการ เอกสาร อำนวยการเพื่อตัดเส้นทางอำนาจ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่มิชอบ ซึ่งจากการตรวจสอบไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.)ภาคต่างๆ พบว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น 28 ราย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนถึงสารวัตรเข้าข่าย 16 ฐานความผิด โดยในพื้นที่พบปัญหายาเสพติดมากที่สุด
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวนและรองสารวัตร เบื้องต้นทั้งหมด 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเข้าข่ายมีความผิดในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้นกว่า 50 ราย นอกจากนี้เหลืออีกภาคอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขและรายชื่อได้
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวนและรองสารวัตร เบื้องต้นทั้งหมด 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเข้าข่ายมีความผิดในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้นกว่า 50 ราย นอกจากนี้เหลืออีกภาคอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขและรายชื่อได้