กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลง เริ่มถอนยุทโธปกรณ์จากซีเรียแล้วในวันอังคาร (15 มี.ค.) ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถือฤกษ์ประกาศแผนการสุดเซอร์ไพรซ์นี้ในวันเดียวกับการเริ่มการเจรจาสันติภาพซีเรียเมื่อวันจันทร์ (14) ความเคลื่อนไหวคราวนี้ส่งผลขับเน้นภาพลักษณ์ความเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพของผู้นำเครมลิน อีกทั้งยังลดบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตุรกีและราชวงศ์ต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ช่างเทคนิคที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม ของรัสเซียในจังหวัดลาตาเกียของซีเรียเริ่มเตรียมเครื่องบินสำหรับการบินระยะไกลกลับสู่ฐานทัพอากาศรัสเซียแล้ว รวมทั้งมีการลำเลียงยุทโธปกรณ์ขึ้นเครื่องบินเหล่านั้นด้วย ต่อมาในวันเดียวกันก็แถลงอีกว่า ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด ซู-34 และเครื่องบินขนส่ง ตู-154 อีก 1 ลำ ได้ออกจากฐานทัพอากาศแห่งนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านแล้ว
คำแถลงเหล่านี้มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศยุติปฏิบัติการทางอากาศในซีเรียที่ดำเนินมา 5 เดือนครึ่ง และช่วยให้กองทัพของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย สามารถยึดพื้นที่สำคัญๆ คืน เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาสันติภาพ
ขณะเดียวกัน จากการที่เป้าหมายหลักของรัสเซียในซีเรียบรรลุผล การถอนกำลังออกจากซีเรียจึงปูทางให้ปูตินเปลี่ยนไปสวมบทผู้รักษาสันติภาพเต็มตัว และยังช่วยลดการเผชิญหน้ากับตุรกีที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รวมถึงเหล่าราชวงศ์ผู้ปกครองราชอาณาจักรต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซียที่ไม่พอใจปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม ปูตินประกาศด้วยว่า ทั้งฐานทัพอากาศเฮไมมีม และฐานทัพเรือของรัสเซียที่จังหวัดทาร์ทุส ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะยังคงปฏิบัติการไปตามปกติ รวมถึงคงกำลังพลบางส่วนไว้ในซีเรียต่อไป นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยกลาโหม นิโคไล ปันคอฟ แถลงว่า การโจมตีทางอากาศบางส่วนก็จะดำเนินต่อไปเช่นกัน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า ช่างเทคนิคที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม ของรัสเซียในจังหวัดลาตาเกียของซีเรียเริ่มเตรียมเครื่องบินสำหรับการบินระยะไกลกลับสู่ฐานทัพอากาศรัสเซียแล้ว รวมทั้งมีการลำเลียงยุทโธปกรณ์ขึ้นเครื่องบินเหล่านั้นด้วย ต่อมาในวันเดียวกันก็แถลงอีกว่า ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด ซู-34 และเครื่องบินขนส่ง ตู-154 อีก 1 ลำ ได้ออกจากฐานทัพอากาศแห่งนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านแล้ว
คำแถลงเหล่านี้มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศยุติปฏิบัติการทางอากาศในซีเรียที่ดำเนินมา 5 เดือนครึ่ง และช่วยให้กองทัพของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย สามารถยึดพื้นที่สำคัญๆ คืน เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาสันติภาพ
ขณะเดียวกัน จากการที่เป้าหมายหลักของรัสเซียในซีเรียบรรลุผล การถอนกำลังออกจากซีเรียจึงปูทางให้ปูตินเปลี่ยนไปสวมบทผู้รักษาสันติภาพเต็มตัว และยังช่วยลดการเผชิญหน้ากับตุรกีที่เป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาปกป้องแอตแลนติกเหนือ (นาโต) รวมถึงเหล่าราชวงศ์ผู้ปกครองราชอาณาจักรต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซียที่ไม่พอใจปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม ปูตินประกาศด้วยว่า ทั้งฐานทัพอากาศเฮไมมีม และฐานทัพเรือของรัสเซียที่จังหวัดทาร์ทุส ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะยังคงปฏิบัติการไปตามปกติ รวมถึงคงกำลังพลบางส่วนไว้ในซีเรียต่อไป นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยกลาโหม นิโคไล ปันคอฟ แถลงว่า การโจมตีทางอากาศบางส่วนก็จะดำเนินต่อไปเช่นกัน