เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 สนธิกำลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด บช.ปส. เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) และทหาร รวมกว่า 80 นาย นำหมายศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านพัก 5 หลัง ภายในชุมชนท่าอิฐ จ.นนทบุรี ตามแผนปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นในครั้งเป็นไปตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด หลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อมโยงกับคดีที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งปรากฏรายชื่อผู้มีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในชุมชน พร้อมขยายผลตรวจค้นบ้านพัก 5 หลัง ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายใหญ่ 3 ราย ที่ถูกควบคุมตัวใน 3 เรือนจำ จากการตรวจค้นสามารถคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้าและกัญชาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดีการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นชุมชนแออัด อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และคนในชุมชนสนิทสนมกัน ผู้กระทำผิดอาจนำยาเสพติดไปซุกซ่อนที่อื่น
พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ หรือ ด.ต.บุญยัง เมืองกระจ่าง ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน ในข้อหาฟอกเงิน โดยจับกุมได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ซ.เอกชัย 35 แขวงและเขตบางบอน หลังมีเบาะแสการร้องเรียนจากประชาชนกว่า 30 ครั้ง ว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และนำตัวไปตรวจค้นบ้านใน ซ.บางบอน 3 ซอย 8 แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นได้ตรวจค้นที่โต๊ะทำงานที่ สน.บางขุนเทียน พบยาไอซ์และกัญชาจำนวนหนึ่ง จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานว่ามียาไอซ์และกัญชาไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
สำหรับด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อมโยงกับนายพิเชษฐ์ ตั้งวรวัฒน์ หรือ “เชษฐ์ท่าแพ” ที่จำหน่ายยาเสพติดให้กับเครือข่ายแก๊งโอรส และถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้พบว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อปี มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายโอรสโอนเงินเข้าบัญชีให้คราวละหลายหมื่นบาท เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน และจากการสอบปากคำพยาน พบว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย แต่ ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ ยังให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินที่มีมากกว่า 10 ล้านบาทต่อไป
สำหรับเรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการร้องเรียนจากประชาชนว่าตำรวจชั้นผู้น้อยในสังกัดตำรวจภูธรและนครบาล 20 นาย เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสืบสวนหาหลักฐาน หากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นในครั้งเป็นไปตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด หลังมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อมโยงกับคดีที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งปรากฏรายชื่อผู้มีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในชุมชน พร้อมขยายผลตรวจค้นบ้านพัก 5 หลัง ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องขังคดียาเสพติดรายใหญ่ 3 ราย ที่ถูกควบคุมตัวใน 3 เรือนจำ จากการตรวจค้นสามารถคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้าและกัญชาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดีการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นชุมชนแออัด อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และคนในชุมชนสนิทสนมกัน ผู้กระทำผิดอาจนำยาเสพติดไปซุกซ่อนที่อื่น
พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ หรือ ด.ต.บุญยัง เมืองกระจ่าง ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน ในข้อหาฟอกเงิน โดยจับกุมได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ซ.เอกชัย 35 แขวงและเขตบางบอน หลังมีเบาะแสการร้องเรียนจากประชาชนกว่า 30 ครั้ง ว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และนำตัวไปตรวจค้นบ้านใน ซ.บางบอน 3 ซอย 8 แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นได้ตรวจค้นที่โต๊ะทำงานที่ สน.บางขุนเทียน พบยาไอซ์และกัญชาจำนวนหนึ่ง จึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานว่ามียาไอซ์และกัญชาไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
สำหรับด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เชื่อมโยงกับนายพิเชษฐ์ ตั้งวรวัฒน์ หรือ “เชษฐ์ท่าแพ” ที่จำหน่ายยาเสพติดให้กับเครือข่ายแก๊งโอรส และถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้พบว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อปี มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายโอรสโอนเงินเข้าบัญชีให้คราวละหลายหมื่นบาท เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน และจากการสอบปากคำพยาน พบว่า ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย แต่ ด.ต.ธีร์ชัชอัศม์ ยังให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินที่มีมากกว่า 10 ล้านบาทต่อไป
สำหรับเรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการร้องเรียนจากประชาชนว่าตำรวจชั้นผู้น้อยในสังกัดตำรวจภูธรและนครบาล 20 นาย เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสืบสวนหาหลักฐาน หากพบว่ากระทำผิดจริงจะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา