พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฐกรณ์ กาญจนาภรณ์ ผู้กำกับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายรอมฎอน หะยีอาแว โฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงข่าวสรุปผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา
พ.อ.ยุทธนาม กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงแล้วเผา นายฉัตรชัย แซ่ทอง ที่ตำบลบาโร๊ะ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และเหตุคนร้ายใช้ อาวุธปืนยิง พ.ต.อ.องอาจ ทองมา อายุ 82 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจเกษียณราชการ ในพื้นที่ อ.ยะรัง ต.ปัตตานี เสียชีวิต ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีแนวความคิดสุดโต่ง ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังเป็นการกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายบรรยากาศการสร้างสันติสุขในพื้นที่ที่กำลังเดินหน้าด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้เห็นต่างจากรัฐหันมาเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน โดยเฉพาะตั้งแต่ห้วงเดือนตุลาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีคนเข้าร่วมโครงการมากถึง จำนวน 3,683 คน
กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้องค์กรภาคประชาสังคม ออกมาร่วมกันประณามการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังดำรงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าเพื่อสร้างสันติสุข ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ให้ร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแส การกระทำความผิดของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งหากพบเหตุสิ่งผิดปกติหรือเหตุต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ที่ สายด่วนหมายเลข 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
พ.อ.ยุทธนาม กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงแล้วเผา นายฉัตรชัย แซ่ทอง ที่ตำบลบาโร๊ะ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา และเหตุคนร้ายใช้ อาวุธปืนยิง พ.ต.อ.องอาจ ทองมา อายุ 82 ปี ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจเกษียณราชการ ในพื้นที่ อ.ยะรัง ต.ปัตตานี เสียชีวิต ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีแนวความคิดสุดโต่ง ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยังเป็นการกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายบรรยากาศการสร้างสันติสุขในพื้นที่ที่กำลังเดินหน้าด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้เห็นต่างจากรัฐหันมาเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน โดยเฉพาะตั้งแต่ห้วงเดือนตุลาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีคนเข้าร่วมโครงการมากถึง จำนวน 3,683 คน
กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้องค์กรภาคประชาสังคม ออกมาร่วมกันประณามการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังดำรงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าเพื่อสร้างสันติสุข ให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ให้ร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแส การกระทำความผิดของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งหากพบเหตุสิ่งผิดปกติหรือเหตุต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ที่ สายด่วนหมายเลข 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
