การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. วันนี้ (7 มี.ค.) ในการพิจารณารายงานการของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เรื่อง การพัฒนากฎระเบียบ ข้อบังคับที่เอื้อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตและดูแลผู้สูงอายุ โดยนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ และนายวิเชียร ชวลิต รองประธานกรรมาธิการฯ ได้นำเสนอแผนการปฏิรูป ว่า สังคมไทยมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 และในอีก 20 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุจะมีมากถึงร้อยละ 50 ดังนั้น การปฏิรูปครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการดูแลผู้สูงอายุอย่างทั่วถึง ซึ่งการขับเคลื่อนครั้งนี้จะทำให้ผู้สูงอายุพึ่งพาตนเองได้ ได้รับการดูแลด้านบริการสาธารณสุข โดยกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานเข้ามาดูแลผู้สูงอายุ เพราะเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดและมีบทบาทหน้าที่ในการดูแลพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุด้วยการยกร่างกฎหมายลำดับรอง ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติเพื่อรองรับอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดใช้จ่ายงบประมาณเพื่อจัดสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ
ขณะที่สมาชิก สปท. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนแผนการแก้ไขกฎระเบียบของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อเอื้อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาคุณภาพในการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข และควรมีกองทุนให้องค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อดูแลผู้สูงอายุ โดยหลังการอภิปรายที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับรายงานด้วยคะแนน 171 ต่อ 1 และงดออกเสียง 3 เสียง เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
ขณะที่สมาชิก สปท. ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนแผนการแก้ไขกฎระเบียบของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อเอื้อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาคุณภาพในการดูแลผู้สูงอายุโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข และควรมีกองทุนให้องค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อดูแลผู้สูงอายุ โดยหลังการอภิปรายที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับรายงานด้วยคะแนน 171 ต่อ 1 และงดออกเสียง 3 เสียง เพื่อส่งต่อให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป