สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) เนื่องจากถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 18.4 ดอลลาร์ หรือ 1.49% แตะที่ระดับ 1,220.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.84% ตลอดทั้งสัปดาห์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.88% แตะที่ 98.139 ในช่วงท้ายของการซื้อขายวันศุกร์ ดัชนีนี้เป็นมาตรวัดดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักๆ โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
นอกจากนี้ ทองคำยังถูกกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวขึ้น 1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่จะระดับ 0.7% และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กว่าจะมีการปรับทบทวนตัวเลขจีดีพีลดลงเป็นขยายตัว 0.4%
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 7.96 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.5% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 18.4 ดอลลาร์ หรือ 1.49% แตะที่ระดับ 1,220.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.84% ตลอดทั้งสัปดาห์
ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.88% แตะที่ 98.139 ในช่วงท้ายของการซื้อขายวันศุกร์ ดัชนีนี้เป็นมาตรวัดดอลลาร์เทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักๆ โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวขึ้น สัญญาทองก็จะปรับตัวลง เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุน
นอกจากนี้ ทองคำยังถูกกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ขยายตัวขึ้น 1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่จะระดับ 0.7% และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กว่าจะมีการปรับทบทวนตัวเลขจีดีพีลดลงเป็นขยายตัว 0.4%
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยด้วยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนธ.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 7.96 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.5% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
