นพ.สุรพันธ์ แสงสว่าง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องหมอกควันทางภาคเหนือเริ่มมีฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐาน นอกจากจะผลกระทบนอกเหนือจากวิสัยทัศน์ในการมองเห็นแล้ว ยังส่งผลกระทบทำกับประชาชน เริ่มมีอาการป่วยเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูงเกินค่ามาตรฐานหากหายใจเข้าไปมาก จะทำให้ไอ จาม คนที่มีโรคภูมิแพ้อยู่แล้วจะทำให้เกิดอาการหลอดลมตีบได้ ขาดภาวะออกซิเจนถ้าหากว่าเป็นมากอาจต้องได้รับการรักษาพ่นยา อาจส่งผลถึงหัวใจขาดเลือดได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะต้องให้ความระมัดระวังเพิ่มเติมมากขึ้น
จากการรวบรวมจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคทางเดินหายใจทุกชนิด ในช่วง7-14 กุมภาพันธ์ 2559 ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่จังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน มีผู้ป่วย กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด 25,389 คน สูงสุดที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 5,535 คน รองลงมาที่เชียงใหม่ 5,396 คน และที่ จังหวัดลำปาง 3,579 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มมีการชิงเผาก่อนที่จะเข้าสู่มาตรการห้ามเผาในช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2559 ที่ทางภาครัฐออกมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด เชื่อว่าหลังจากที่เข้าสู่มาตรการห้ามเผาแล้วจะทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงได้ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันในเขตภาคเหนือเนื่องจาก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ของทุกปี ประชาชนจะทำการเผาเพื่อปรับพื้นที่ทางการเกษตร เผาวัชพืชริมทาง และการเผาป่า ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีมวลความกดอากาศสูงจากต่างประเทศ พัดเข้ามาในพื้นที่เขตภาคเหนือ ที่มีภูเขาล้อมรอบลักษณะเป็นแอ่งกระทะ หมอกควันที่เกิดขึ้นจึงไม่กระจายตัว และเกิดการสะสมในบรรยากาศเป็นปริมาณมากทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐาน และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพต้องคอยติดตามค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างใกล้ชิดผ่านทางสื่อต่างๆ หากฝุ่นละอองสูงมากเกินกว่า 100 โมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ต้องให้ความระมัดระวังด้วยการหาหน้ากาก ใส่แว่น ทาครีมที่ผิวหนังเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น สำหรับเด็ก หรือคนที่ปัญหาทางเดินหายใจ รวมทั้งผู้สูงอายุและสตรีตั้งครรภ์ ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่มีโอกาสที่จะสูดควันพิษเข้าไป อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
จากการรวบรวมจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคทางเดินหายใจทุกชนิด ในช่วง7-14 กุมภาพันธ์ 2559 ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่จังหวัด เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน มีผู้ป่วย กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิด 25,389 คน สูงสุดที่จังหวัดเชียงราย จำนวน 5,535 คน รองลงมาที่เชียงใหม่ 5,396 คน และที่ จังหวัดลำปาง 3,579 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มมีการชิงเผาก่อนที่จะเข้าสู่มาตรการห้ามเผาในช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 15 เมษายน 2559 ที่ทางภาครัฐออกมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด เชื่อว่าหลังจากที่เข้าสู่มาตรการห้ามเผาแล้วจะทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงได้ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันในเขตภาคเหนือเนื่องจาก ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ของทุกปี ประชาชนจะทำการเผาเพื่อปรับพื้นที่ทางการเกษตร เผาวัชพืชริมทาง และการเผาป่า ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีมวลความกดอากาศสูงจากต่างประเทศ พัดเข้ามาในพื้นที่เขตภาคเหนือ ที่มีภูเขาล้อมรอบลักษณะเป็นแอ่งกระทะ หมอกควันที่เกิดขึ้นจึงไม่กระจายตัว และเกิดการสะสมในบรรยากาศเป็นปริมาณมากทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐาน และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพต้องคอยติดตามค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างใกล้ชิดผ่านทางสื่อต่างๆ หากฝุ่นละอองสูงมากเกินกว่า 100 โมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ต้องให้ความระมัดระวังด้วยการหาหน้ากาก ใส่แว่น ทาครีมที่ผิวหนังเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น สำหรับเด็ก หรือคนที่ปัญหาทางเดินหายใจ รวมทั้งผู้สูงอายุและสตรีตั้งครรภ์ ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่มีโอกาสที่จะสูดควันพิษเข้าไป อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ