นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้คร่าชีวิตประชากรในภูมิภาคอาเซียนไปกว่า 250,000 ราย โดยคิดเป็นความเสียหายทั้งต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในช่วงปี พ.ศ.2541 - 2554 มากถึงร้อยละ 61.6 ของความเสียหายจากภัยพิบัติทั่วโลก และเพื่อให้มีการแก้ไขและป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม กลุ่มผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนจึงได้สร้างความเข้มแข็งในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยพิบัติร่วมกัน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และปฏิญญาอาเซียน เรื่อง การพัฒนาความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีพันธสัญญาต่อกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ในการขยายความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ ได้มอบหมายให้องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประสานงานกับ สพฉ.เพื่อร่วมมือกันพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในภาวะภัยพิบัติให้แก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน
นพ.อนุชา กล่าวว่า ตลอดปี พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา สพฉ.ร่วมมือกับ JICA จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในภูมิภาคอาเซียนบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็น การประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน การแพทย์ฉุกเฉินในภาวะพิบัติภัยเพื่อหารือในเรื่องของการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และศักยภาพในการเตรียมความพร้อม และการรับมือภัยพิบัติในระดับภูมิภาค การสร้างเครือข่ายในหมู่ประเทศสมาชิก ASEAN และญี่ปุ่น การร่วมกันผลักดันให้การแพทย์ฉุกเฉินในภาวะพิบัติภัย ได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในภารกิจหลัก ภายใต้กรอบความร่วมมือ ASEAN Plus Three โดยกำหนดให้ประเทศไทยเป็นผู้นำโดยมีประเทศเวียดนามเสนอตัวเป็นผู้นำร่วม
นพ.อนุชา กล่าวว่า ตลอดปี พ.ศ.2558 ที่ผ่านมา สพฉ.ร่วมมือกับ JICA จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในภูมิภาคอาเซียนบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็น การประชุมเชิงปฏิบัติการด้าน การแพทย์ฉุกเฉินในภาวะพิบัติภัยเพื่อหารือในเรื่องของการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และศักยภาพในการเตรียมความพร้อม และการรับมือภัยพิบัติในระดับภูมิภาค การสร้างเครือข่ายในหมู่ประเทศสมาชิก ASEAN และญี่ปุ่น การร่วมกันผลักดันให้การแพทย์ฉุกเฉินในภาวะพิบัติภัย ได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในภารกิจหลัก ภายใต้กรอบความร่วมมือ ASEAN Plus Three โดยกำหนดให้ประเทศไทยเป็นผู้นำโดยมีประเทศเวียดนามเสนอตัวเป็นผู้นำร่วม