นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 14 จังหวัด 54 อำเภอ 274 ตำบล 2,487 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 3.32 ของหมู่บ้านทั่วประเทศ พร้อมประสานจังหวัด บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบตามแนวทางประชารัฐรณรงค์สร้างความเข้าใจสถานการณ์น้ำ ปัญหาภัยแล้ง และความจำเป็นในการลดการระบายน้ำเพื่อการเกษตรและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชน้ำน้อย โดยเฉพาะจังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างงดปลูกข้าวนาปรังเพิ่ม และงดสูบน้ำจากแม่น้ำลำคลองเข้าพื้นที่การเกษตร สำหรับกรณีการลักลอบสูบน้ำคลองมะขามเฒ่าอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้จัดเจ้าหน้าที่เจรจาสร้างความเข้าใจ ไม่ให้ลักลอบสูบน้ำจากคลองส่งน้ำ เพราะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา ให้บูรณาการหน่วยทหารและส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดหาแหล่งน้ำสำรองนำน้ำไปเติมในแหล่งน้ำผลิตน้ำประปา และแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชน
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่าเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย ขอให้จังหวัดสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจประชาชนให้ใช้น้ำที่มีจำกัดอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ และน้ำรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงหน้าแล้ง
นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่าเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย ขอให้จังหวัดสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจประชาชนให้ใช้น้ำที่มีจำกัดอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ และน้ำรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงหน้าแล้ง