ทำเนียบประธานาธิบดีซีเรีย แถลงข่าวการถึงแก่อนิจกรรมของนางอนิซา อัล-อัสซาด มารดาวัย 86 ปี ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ณ โรงพยาบาลในกรุงดามัสกัสของซีเรีย หลังจากล้มป่วยเป็นเวลาหลายปี และเคยเดินทางไปรักษาอาการป่วยที่เยอรมนีหลายครั้ง แต่ต้องยุติไปใน พ.ศ. 2555 เนื่องจากถูกสหภาพยุโรปขึ้นบัญชีดำ จากการที่ประธานาธิบดีอัล-อัสซาด ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มต่อต้านรัฐบาล จนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก และเหตุการณ์ยังคงบานปลายมาจนทุกวันนี้
นอกจากเป็นมารดาของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซัดแล้ว นางอนิซายังเคยดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรียด้วย ในสมัยที่สามีของเธอ คือนายฮาเฟซ อัล-อัสซาดดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรีย โดยนางอนิซาแต่งงานกับอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ เมื่อ พ.ศ.2500 และมีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน ในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน ได้แก่ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด น้องสาว นางบุชรา และน้องชาย นายพลมาเฮอร์ อัล-อัสซาด
โดยในช่วงก่อนที่จะถึงแก่อนิจกรรม มีรายงานว่า นางอนิซาได้เดินทางไปอยู่กับนางบุชราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 หลังจากนายอัสเซฟ ชอว์คัต อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกลาโหมซีเรีย และเป็นสามีของบุชราเสียชีวิตจากเหตุระเบิด
นอกจากเป็นมารดาของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซัดแล้ว นางอนิซายังเคยดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของซีเรียด้วย ในสมัยที่สามีของเธอ คือนายฮาเฟซ อัล-อัสซาดดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรีย โดยนางอนิซาแต่งงานกับอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ เมื่อ พ.ศ.2500 และมีบุตรธิดาด้วยกัน 5 คน ในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน ได้แก่ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด น้องสาว นางบุชรา และน้องชาย นายพลมาเฮอร์ อัล-อัสซาด
โดยในช่วงก่อนที่จะถึงแก่อนิจกรรม มีรายงานว่า นางอนิซาได้เดินทางไปอยู่กับนางบุชราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2555 หลังจากนายอัสเซฟ ชอว์คัต อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกลาโหมซีเรีย และเป็นสามีของบุชราเสียชีวิตจากเหตุระเบิด