จากกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงนามในคำสั่งเลขที่ 283/2559 เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 59 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายบรรจง สุขดี อดีตรองผู้ว่า กทม. และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีต ผบช.ภ.1 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า พล.ต.ท.อำนวย คุณสมบัติไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง กทม.นั้น
นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ภายหลังที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อำนวย เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. แทน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีต ผบช.น. พร้อมกับลงนามแต่งตั้ง นายบรรจง สุขดี อดีตรองปลัด กทม. เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. อีกคนเช่นกัน ซึ่งคำสั่งจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า เมื่อ พล.ต.ท.อำนวย ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว พบว่า ไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. ได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรุงเทพมหานคร จึงไม่เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตามขั้นตอน พล.ต.ท.อำนวย ต้องทำหนังสือชี้แจงและทำหนังสือลาออกเสนอต่อ ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้ลงนามอนุมัติก่อน เนื่องจากได้มีคำสั่งแต่งตั้งไปแล้ว
สำหรับ พล.ต.ท.อำนวย ได้เข้ามาพบ ผู้ว่าฯ กทม.โดยตรง ผ่านการแนะนำจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่ง พล.ต.ท.อำนวย ก็ได้รับปากจะเข้าทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมหากยังคงเป็นประธาน กกต. กทม. แต่กลับมาทำงานในตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง ผู้ว่าฯ กทม. ก็มาจากการเลือกตั้ง ส่วนผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่นั้น ขณะนี้ ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างพิจารณาทาบทามผู้ที่มีความเหมาะสมอยู่
ขณะที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นดังกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว พล.ต.ท.อำนวย ได้ติดต่อมายังตนแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกัน เข้าใจว่า พล.ต.ท.อำนวย คงไม่ไปเป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีความประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งประธาน กกต.กทม. ต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจเป็นการเข้าใจผิดกัน ส่วนรายละเอียดหรือเหตุผลที่มาที่ไปนั้น คงต้องไปสอบถามจาก พล.ต.ท.อำนวย เอง อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของการดำรงตำแหน่งเป็น กกต. ระบุว่า ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นเมื่อเป็น กกต.ประจำจังหวัด ก็จะไม่สามารถไปเป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ หรือนักการเมืองของจังหวัดนั้นได้อยู่แล้ว
นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ภายหลังที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อำนวย เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. แทน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีต ผบช.น. พร้อมกับลงนามแต่งตั้ง นายบรรจง สุขดี อดีตรองปลัด กทม. เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. อีกคนเช่นกัน ซึ่งคำสั่งจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า เมื่อ พล.ต.ท.อำนวย ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว พบว่า ไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. ได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรุงเทพมหานคร จึงไม่เหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตามขั้นตอน พล.ต.ท.อำนวย ต้องทำหนังสือชี้แจงและทำหนังสือลาออกเสนอต่อ ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้ลงนามอนุมัติก่อน เนื่องจากได้มีคำสั่งแต่งตั้งไปแล้ว
สำหรับ พล.ต.ท.อำนวย ได้เข้ามาพบ ผู้ว่าฯ กทม.โดยตรง ผ่านการแนะนำจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่ง พล.ต.ท.อำนวย ก็ได้รับปากจะเข้าทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมหากยังคงเป็นประธาน กกต. กทม. แต่กลับมาทำงานในตำแหน่งทางการเมือง ซึ่ง ผู้ว่าฯ กทม. ก็มาจากการเลือกตั้ง ส่วนผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่นั้น ขณะนี้ ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างพิจารณาทาบทามผู้ที่มีความเหมาะสมอยู่
ขณะที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็นดังกล่าวว่า ประเด็นดังกล่าว พล.ต.ท.อำนวย ได้ติดต่อมายังตนแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกัน เข้าใจว่า พล.ต.ท.อำนวย คงไม่ไปเป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีความประสงค์ที่จะดำรงตำแหน่งประธาน กกต.กทม. ต่อไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจเป็นการเข้าใจผิดกัน ส่วนรายละเอียดหรือเหตุผลที่มาที่ไปนั้น คงต้องไปสอบถามจาก พล.ต.ท.อำนวย เอง อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของการดำรงตำแหน่งเป็น กกต. ระบุว่า ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นเมื่อเป็น กกต.ประจำจังหวัด ก็จะไม่สามารถไปเป็นที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ หรือนักการเมืองของจังหวัดนั้นได้อยู่แล้ว
