นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ภายหลัง ทอท.ออกมาตรการเพื่อคัดกรองผู้โดยสาร เช่น จัดหลุมจอด บริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน E และ G ให้กับสายการบินที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสนับสนุนด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศด้านการติดตั้งเครื่อง Thermo Scanner บริเวณดังกล่าว และเพิ่มเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการของผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศตะวันออกกลางร่วมกับด่านคัดกรองบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขอนามัยของผู้โดยสาร โดยการวางเจลล้างมือในจุดที่มีผู้โดยสารใช้บริการจำนวนมาก เช่น จุดกรอกเอกสาร จุดประชาสัมพันธ์ จุดจอดรถแท็กซี่รับผู้โดยสาร เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น รถเข็นสัมภาระ ราวบันไดทางเลื่อน ซึ่งเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะเพียงพอต่อการช่วยคัดกรองผู้โดยสารลดความที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข โดย ทอท.จะคงความเข้มงวดของมาตรการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทอท.ได้พัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และบรรลุพันธกิจในความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพให้มีความสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ISO 22301: 2012 และ มอก.22301-2556 โดยสำนักงานใหญ่ ทอท. ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองระบบฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 และถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานรายแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองระบบฯ ซึ่งมีความพร้อมในการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจหากเกิดสภาวการณ์ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ.2557-2561) ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนให้พร้อมเผชิญกับภาวะไม่ปกติ
นอกจากนี้ ทอท.ได้พัฒนาระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และบรรลุพันธกิจในความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพให้มีความสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ISO 22301: 2012 และ มอก.22301-2556 โดยสำนักงานใหญ่ ทอท. ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองระบบฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 และถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานรายแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองระบบฯ ซึ่งมีความพร้อมในการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจหากเกิดสภาวการณ์ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ.2557-2561) ในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 การเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนให้พร้อมเผชิญกับภาวะไม่ปกติ