นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวตัดขาดความรับผิดชอบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่าจากกรณีดังกล่าวสิ่งที่ต้องพิจารณาว่าการแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นมติในนามของพรรค หรือเป็นเรื่องส่วนบุคคล เนื่องจากพรรคเป็นองค์กร มีกรรมการบริหารพรรคเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาที่ไม่สามารถติดต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ เพราะติดภารกิจต่าง ๆ อาทิ ปั่นเพื่อแม่ ปั่นเพื่อพ่อ หรืองานสำคัญๆ กรณีนี้จึงไม่ทราบว่าที่มาที่ไปของการแถลงข่าวของเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอุดมคติว่าทุกฝ่ายควรปฏิบัติตนภายใต้กฎหมาย ซึ่งหากมีการประชุมใดๆ จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แล้วพรรคจะอธิบายกับสังคมได้อย่างไร เพราะมีคำสั่งการห้ามประชุมทางการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในฐานะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเคารพกฎหมายมาโดยตลอด เพราะต้องระวังสิ่งที่ส่อไปทางการเคลื่อนไหวในการละเมิดคำสั่ง คสช. ซึ่งที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็เคยกินข้าวมาด้วยกัน แต่เหตุผลที่ไม่ได้นัดหมายกันตนไม่ทราบ แต่จะถึงกลายเป็นประเด็นที่จะต้องขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ โดยการทำงานตลอด 7 ปี กรุงเทพมหานครให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจากทุกฝ่าย และได้ประสานกับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ซึ่งพรรคก็ได้รับการสนองอยู่แล้ว แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ขณะนี้สังเกตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นความต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หรือไม่ แต่ยังเชื่อการใช้อำนาจในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในฐานะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเคารพกฎหมายมาโดยตลอด เพราะต้องระวังสิ่งที่ส่อไปทางการเคลื่อนไหวในการละเมิดคำสั่ง คสช. ซึ่งที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็เคยกินข้าวมาด้วยกัน แต่เหตุผลที่ไม่ได้นัดหมายกันตนไม่ทราบ แต่จะถึงกลายเป็นประเด็นที่จะต้องขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ โดยการทำงานตลอด 7 ปี กรุงเทพมหานครให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจากทุกฝ่าย และได้ประสานกับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ซึ่งพรรคก็ได้รับการสนองอยู่แล้ว แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ขณะนี้สังเกตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นความต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หรือไม่ แต่ยังเชื่อการใช้อำนาจในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี