สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2558 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 25 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากอิหร่านประกาศว่าจะเพิ่มการส่งออกน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 96 เซนต์ หรือ 3.3% ปิดที่ 28.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 28.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 หรือในรอบ 25 ปี และชะลอลงจากอัตรา 7.3% ในปี 2557
ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของจีนขยายตัว 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 6.2% ส่วนยอดค้าปลีกของจีนในเดือนธ.ค.ขยายตัว 11.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.เช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะย่ำแย่ลงไปอีก จากการที่อิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมันในตลาด หลังนานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
นายอามีร์ ฮอสเซน ซามานิเนีย รมช.พลังงานฝ่ายกิจการพาณิชย์และต่างประเทศของอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกน้ำมันทันที 500,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากที่นานาประเทศได้ยุติมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หลังจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ได้ยืนยันว่าอิหร่านได้ยุติโครงการนิวเคลียร์ตามที่ได้ทำข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจทั้ง 6 ประเทศ ซึ่งได้แก่สหรัฐ อังกฤษ รัสเซีย เยอรมนี จีน และฝรั่งเศส
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 96 เซนต์ หรือ 3.3% ปิดที่ 28.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 28.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดในโลก โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 หรือในรอบ 25 ปี และชะลอลงจากอัตรา 7.3% ในปี 2557
ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ของจีนขยายตัว 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 6.2% ส่วนยอดค้าปลีกของจีนในเดือนธ.ค.ขยายตัว 11.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.เช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะย่ำแย่ลงไปอีก จากการที่อิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมันในตลาด หลังนานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร
นายอามีร์ ฮอสเซน ซามานิเนีย รมช.พลังงานฝ่ายกิจการพาณิชย์และต่างประเทศของอิหร่าน เปิดเผยว่า อิหร่านตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกน้ำมันทันที 500,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากที่นานาประเทศได้ยุติมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
ทั้งนี้ สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หลังจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ได้ยืนยันว่าอิหร่านได้ยุติโครงการนิวเคลียร์ตามที่ได้ทำข้อตกลงกับชาติมหาอำนาจทั้ง 6 ประเทศ ซึ่งได้แก่สหรัฐ อังกฤษ รัสเซีย เยอรมนี จีน และฝรั่งเศส
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย